From e3c30780fc3a9374d197bcb8da08a5400490146b Mon Sep 17 00:00:00 2001 From: sipp11 Date: Tue, 25 Nov 2014 13:39:02 +0700 Subject: [PATCH] edit posts to markdown --- ...07-21-.md => 2005-07-21-palm-adventure.md} | 0 _posts/2005-08-01-com-windows.md | 64 +++++++- ...05-08-23-sony-clie-peg-th55-second-take.md | 140 +++++++++++++++++- .../{2005-12-22-.md => 2005-12-22-fix-101.md} | 0 ...07-01-27-lacie-250gb-ethernet-disk-mini.md | 28 +++- _posts/2007-04-27-diy-nas.md | 94 +++++++++++- ...v100-see2-usb-2-0-to-vga-adapter-review.md | 14 +- _posts/2008-01-04-eee-pc.md | 33 ++++- ...ond-month-passed-how-is-my-eee-pc-going.md | 32 +++- ...ve-there-is-something-more-besides-size.md | 10 +- ...08-08-26-thinkpad-x61t-build-and-design.md | 18 +-- 11 files changed, 411 insertions(+), 22 deletions(-) rename _posts/{2005-07-21-.md => 2005-07-21-palm-adventure.md} (100%) rename _posts/{2005-12-22-.md => 2005-12-22-fix-101.md} (100%) diff --git a/_posts/2005-07-21-.md b/_posts/2005-07-21-palm-adventure.md similarity index 100% rename from _posts/2005-07-21-.md rename to _posts/2005-07-21-palm-adventure.md diff --git a/_posts/2005-08-01-com-windows.md b/_posts/2005-08-01-com-windows.md index b475440..4b94b73 100644 --- a/_posts/2005-08-01-com-windows.md +++ b/_posts/2005-08-01-com-windows.md @@ -5,4 +5,66 @@ created: 1122877883 categories: - tips --- - ด้วยความที่ทำ server เลยต้องทำงี้..ฮ่าๆ เอาเป็นว่าต้องอ้างอิงจากพี่ microsoft ก่อน trouble shooting อันนี้ Q317371 เลยทำให้ได้ความคิดที่จะจัดการเจ้า com เราให้มันปิด-เปิดเองซะเลย เพราะคงเปิดไว้ทั้งวันทุกวันไม่ไหว แหะๆ จริงๆก็เพราะเปลืองไฟ 555
การปิดเครื่อง
    มาเริ่มต้นกันที่ปิดเครื่องก่อนดีกว่า.. เราต้องมาดูกันว่าจะทำ shortcut เพื่อ shutdown กันยังไง? จะต้องใช้คำสั่งนี้~

shutdown \\computername /l /a /r /t:xx "msg" /y /c

โดย แต่ละคำสั่งมีความหมายดังนี้
   อืม ทดสอบได้ครับ เช่น จะต้องการให้ปิดเลย ก็จะใช้คำสั่งว่า "shutdown /l /t:00 /y /c" นั่นก็คือให้ปิดเครื่องนี้แหละ ปิดไปเลย ไม่ต้องสนใจว่าเปิดอะไรอยู่ ฮ่าๆ
   ปัญหาก็คืออันนี้เป็นคำสั่งของ Windows 2000 แฮะ ฮ่าๆ ถ้าเป็นสำหรับ Win Xp หล่ะก็จะมีความแตกต่างบ้างครับนี่ครับ (เริ่มขี้เกียจ หุหุ ก๊อปมาเลย)
Usage: shutdown [-i | -l | -s | -r | -a] [-f] [-m \\computername] [-t xx] [-c "c
omment"] [-d up:xx:yy]
No args Display this message (same as -?)
-i Display GUI interface, must be the first option
-l Log off (cannot be used with -m option)
-s Shutdown the computer
-r Shutdown and restart the computer
-a Abort a system shutdown
-m \\computername Remote computer to shutdown/restart/abort
-t xx Set timeout for shutdown to xx seconds
-c "comment" Shutdown comment (maximum of 127 characters)
-f Forces running applications to close without warning
-d [u][p]:xx:yy The reason code for the shutdown
u is the user code
p is a planned shutdown code
xx is the major reason code (positive integer less than 256)
yy is the minor reason code (positive integer less than 65536)
 
   จากนั้นก็มาดูในส่วนที่จะให้มันทำงานอัตโนมัติกันครับ เราจะใช้ Scheduled Tasks ที่มีใน windows นี่แหละครับ ให้เข้า Control Panel | Scheduled Tasks อยู่ครับ เมื่อเข้าไปแล้วเราก็จะมาสร้าง task ใหม่กันครับ แต่ปัญหาอย่างนึงก็คือ เราต้องสร้าง account ที่มี password ก่อนครับ จะเป็น Administrator หรือตัวที่ใช้กันทุกวันก็ได้ แต่สำคัญคือ จะใช้ account ที่ไม่มี password ไม่ได้ครับ มันจะไม่ run ให้เนื่องด้วยเหตุผลของความปลอดภัยค้าบบ
   เมื่อเข้าในโปรแกรมก็จะเพิ่ม task โดยกด add Scheduled Tasks ได้เลย ก็ click next ไปครับ

 
   พอเรียบร้อยแล้วก็จะได้ task ขึ้นมาตัวนึงครับ ให้กด double click หรือ click ขวา properties ก็จะเข้าไปอีก windows นึงครับ แล้วจะเห็นที่ช่อง Run ให้ใส่คำสั่งตามต้องการเลยครับ
 
   ทุกครั้งที่มีการแก้ไขก็จำเป็นต้องกรอก password ของ account นั้นๆนะครับ เพื่อความปลอดภัย ฮ่าๆ แล้วเราก็สามารถเลือกเวลาให้มัน run task ได้ตามต้องการที่ tab "Schedule" ครับ ผมจะให้มันปิดตอนตี 1 45 นาที ก็ตั้งไว้ค้าบบ เท่านี้ก็เรียบร้อยในส่วนการปิดเครื่องแล้วครับ

การเปิดเครื่อง
    อันนี้ต้องใช้ความสามารถของ board เองครับ ซึ่งจะต้องเข้าไปตั้งค่าใน BIOS โดยแต่ละเครื่องก็ไม่เหมือนกัน มันจะต่างกันอยู่ 2 แบบหน่ะครับ คือ BIOS ของ Award และ Phoenix ครับ ฮ่าๆ โดยการเข้าไปตั้งค่าให้กด del ตอน boot เครื่อง (อาจจะเป็นปุ่มอื่น ถ้าเป็นเครื่องมีสกุล อิอิ มียี่ห้อนั่นเองครับ) แล้วก็เข้าไปตามแต่ละหัวข้อ ดูว่าอันไหนจะมีหล่ะครับ ก็ตั้งค่าได้ตามชอบใจว่าจะให้เปิดเมื่อไหร่ครับ ^_^

อย่างของผมเป็น Phoenix ก็จะเข้าได้ตามนี้ครับ
• Power Management Setup | Wake up Events | Power-On by Alarm | แล้วก็กำหนดเวลาเอาครับ
   ของผมจะตั้งให้มันเปิดประมาณ 7 โมงครึ่งประมาณนี้หล่ะครับ ฮ่าๆ ได้พักประมาณ 6 ชม. อิอิ แค่นี้ก็เรียบร้อยครับ มันก็จะเปิดให้อัตโนมัติค้าบบ ส่วนของ Award ก็น่าจะคล้ายๆกันครับ ลองมั่วๆดูครับ ไม่ยากครับ + ด้วยความที่ทำ server เลยต้องทำงี้..ฮ่าๆ เอาเป็นว่าต้องอ้างอิงจากพี่ microsoft ก่อน trouble shooting อันนี้ Q317371 เลยทำให้ได้ความคิดที่จะจัดการเจ้า com เราให้มันปิด-เปิดเองซะเลย เพราะคงเปิดไว้ทั้งวันทุกวันไม่ไหว แหะๆ จริงๆก็เพราะเปลืองไฟ 555 + + __การปิดเครื่อง__ + +มาเริ่มต้นกันที่ปิดเครื่องก่อนดีกว่า.. เราต้องมาดูกันว่าจะทำ shortcut เพื่อ shutdown กันยังไง? จะต้องใช้คำสั่งนี้~ + + __shutdown \\computername /l /a /r /t:xx "msg" /y /c__ + +โดย แต่ละคำสั่งมีความหมายดังนี้ + +* __\\computername__: เอาไว้สั่งให้ตัวอื่นในเครือข่ายปิด ฮ่าๆ อันนี้เราคงไม่ได้ใช้ +* __/l__ (ตัว "L" เล็กนะครับ): ใช้บอกว่าปิดเครื่องนี้แหละ.. ไม่ใช่เครื่องอื่น +* __/a__: อันนี้แปลว่า abort! เอาไว้ใช้เวลาเจอ blaster กับ sasser ฮ่าๆ .. +* __/r__: อันนี้คือ restart คือ ให้มัน restart แทนที่จะ shutdown +* __/t:xx__: แปลว่า time นั้นเอง ไว้กำหนดเวลาเป็นหน่วยวินาที +* __"msg"__: เป็น message บอกตอน shutdown ยาวที่สุดก็ 127 ตัวอักษร +* __/y__: อันนี้เอาไว้บังคับขู่เข็ญเผื่อมีโปรแกรมเรื่องมากถามก่อนจะปิด ให้ตอบ yes (ปิดๆๆๆ ไปเหอะ) +* __/c__: อันนี้โหดกว่าคือ สั่งปิดทุกโปรแกรมเลย ฮ่าๆ ซึ่งอาจจะทำให้อย่าง word ไม่ save อะไรเลยนั่นเอง.. ฮ่าๆ + +อืม ทดสอบได้ครับ เช่น จะต้องการให้ปิดเลย ก็จะใช้คำสั่งว่า "shutdown /l /t:00 /y /c" นั่นก็คือให้ปิดเครื่องนี้แหละ ปิดไปเลย ไม่ต้องสนใจว่าเปิดอะไรอยู่ ฮ่าๆ + +ปัญหาก็คืออันนี้เป็นคำสั่งของ Windows 2000 แฮะ ฮ่าๆ ถ้าเป็นสำหรับ Win Xp หล่ะก็จะมีความแตกต่างบ้างครับนี่ครับ (เริ่มขี้เกียจ หุหุ ก๊อปมาเลย) + + Usage: shutdown [-i | -l | -s | -r | -a] [-f] [-m \\computername] [-t xx] [-c "comment"] [-d up:xx:yy] + No args Display this message (same as -?) + -i Display GUI interface, must be the first option + -l Log off (cannot be used with -m option) + -s Shutdown the computer + -r Shutdown and restart the computer + -a Abort a system shutdown + -m \\computername Remote computer to shutdown/restart/abort + -t xx Set timeout for shutdown to xx seconds + -c "comment" Shutdown comment (maximum of 127 characters) + -f Forces running applications to close without warning + -d [u][p]:xx:yy The reason code for the shutdown + u is the user code + p is a planned shutdown code + xx is the major reason code (positive integer less than 256) + yy is the minor reason code (positive integer less than 65536) + +
 
+จากนั้นก็มาดูในส่วนที่จะให้มันทำงานอัตโนมัติกันครับ เราจะใช้ Scheduled Tasks ที่มีใน windows นี่แหละครับ ให้เข้า Control Panel | Scheduled Tasks อยู่ครับ เมื่อเข้าไปแล้วเราก็จะมาสร้าง task ใหม่กันครับ แต่ปัญหาอย่างนึงก็คือ เราต้องสร้าง account ที่มี password ก่อนครับ จะเป็น Administrator หรือตัวที่ใช้กันทุกวันก็ได้ แต่สำคัญคือ จะใช้ account ที่ไม่มี password ไม่ได้ครับ มันจะไม่ run ให้เนื่องด้วยเหตุผลของความปลอดภัยค้าบบ + + +เมื่อเข้าในโปรแกรมก็จะเพิ่ม task โดยกด add Scheduled Tasks ได้เลย ก็ click next ไปครับ + +* เมื่อมันให้เลือกโปรแกรมก็เข้าไปหาที่ c:\windows\system32\shutdown.exe ครับ +* มันจะให้กำหนดครับ ว่าจะให้ทำงานอย่างไร ก็เลือกไปตามสะดวกครับ (จริงๆมันเปลี่ยนได้ครับ กดๆไปก่อนก็ได้) + +
 
+พอเรียบร้อยแล้วก็จะได้ task ขึ้นมาตัวนึงครับ ให้กด double click หรือ click ขวา properties ก็จะเข้าไปอีก windows นึงครับ แล้วจะเห็นที่ช่อง Run ให้ใส่คำสั่งตามต้องการเลยครับ +
 
+ทุกครั้งที่มีการแก้ไขก็จำเป็นต้องกรอก password ของ account นั้นๆนะครับ เพื่อความปลอดภัย ฮ่าๆ แล้วเราก็สามารถเลือกเวลาให้มัน run task ได้ตามต้องการที่ tab "Schedule" ครับ ผมจะให้มันปิดตอนตี 1 45 นาที ก็ตั้งไว้ค้าบบ เท่านี้ก็เรียบร้อยในส่วนการปิดเครื่องแล้วครับ + +__การเปิดเครื่อง__ + +อันนี้ต้องใช้ความสามารถของ board เองครับ ซึ่งจะต้องเข้าไปตั้งค่าใน BIOS โดยแต่ละเครื่องก็ไม่เหมือนกัน มันจะต่างกันอยู่ 2 แบบหน่ะครับ คือ BIOS ของ Award และ Phoenix ครับ ฮ่าๆ โดยการเข้าไปตั้งค่าให้กด del ตอน boot เครื่อง (อาจจะเป็นปุ่มอื่น ถ้าเป็นเครื่องมีสกุล อิอิ มียี่ห้อนั่นเองครับ) แล้วก็เข้าไปตามแต่ละหัวข้อ ดูว่าอันไหนจะมีหล่ะครับ ก็ตั้งค่าได้ตามชอบใจว่าจะให้เปิดเมื่อไหร่ครับ ^_^ + +อย่างของผมเป็น Phoenix ก็จะเข้าได้ตามนี้ครับ + +* Power Management Setup > Wake up Events > Power-On by Alarm > แล้วก็กำหนดเวลาเอาครับ + +ของผมจะตั้งให้มันเปิดประมาณ 7 โมงครึ่งประมาณนี้หล่ะครับ ฮ่าๆ ได้พักประมาณ 6 ชม. อิอิ แค่นี้ก็เรียบร้อยครับ มันก็จะเปิดให้อัตโนมัติค้าบบ ส่วนของ Award ก็น่าจะคล้ายๆกันครับ ลองมั่วๆดูครับ ไม่ยากครับ diff --git a/_posts/2005-08-23-sony-clie-peg-th55-second-take.md b/_posts/2005-08-23-sony-clie-peg-th55-second-take.md index 9457b55..2288d2e 100644 --- a/_posts/2005-08-23-sony-clie-peg-th55-second-take.md +++ b/_posts/2005-08-23-sony-clie-peg-th55-second-take.md @@ -6,6 +6,140 @@ categories: - palm - review --- -

Sony Clie PEG-TH55 ภาคใช้ให้คุ้มค่า


   จากวันประมาณเดือนเมษา-พฤษภา ก็เขียน TH55 ไปแล้วรอบนึงแล้ว เรื่องนี้ก็คิดว่าจะเขียนตั้งแต่เดือนมิ.ย. หล่ะครับ แต่พอเอาเข้าจริงๆ เวลาว่างมันก็มาลงตอนนี้หล่ะครับ ฮ่าๆ กลายเป็นว่าเอาหล่ะ ถึงเวลาเขียนซักที (ทั้งๆที่จริงๆมีอีกเรื่อง แต่แยกกันดีกว่า เพราะว่าอันนู้นเป็นการเขียนเชิงติมากกว่าชมเป็นแน่ครับ) แต่เรื่องนี้จะมาเขียนทั้งวิธี ทั้งโปรแกรมที่ผมว่ามันช่วยให้ใช้งานเจ้า TH55 หรือ Atom (device ID ครับ) ได้สะดวกขึ้น (ในแบบของผมนอื่นไม่รู้หล่ะ 55)

- -


   ยังไงก็จะเป็นการเขียนที่ค่อนข้างต่อเนื่องจากตัวเก่า ตอบคำถามที่ยังคงเหลือไว้เพราะยังไม่ได้มีการใช้งานเต็มที่หล่ะครับ คราวนี้จะไม่กล่าวถึง Clie Organizer หล่ะครับ เพราะเจ้าตัวนี้มันมีทั้งดีและไม่ดีครับ เลยเก็บไว้บ่นทีเดียวครับ แต่ที่จะพูดจะเป็นการใช้เครื่องโดยรวมหล่ะครับ
   เอาเป็นว่าไม่ต้องเกริ่นแล้วครับ เขียนครั้งนี้จะพยายามไม่มีน้ำ หึหึ



Clie Organizer popup menu ซึ่งก็คือเจ้าปุ่มขวาสุดนี่แหละครับ... อันนี้หลังจากใช้ได้ไม่นานครับ "เลิกครับ..." เปลี่ยนไปเถอะครับ.. เพราะมันแทบไร้ประโยชน์ ซึ่งจริงๆผมว่าเพียงแค่มันกด New datebook, address,.. อะไรได้แบบ RakuDA ไปเลยผมว่าจะเจ๋งมากก ครับ แต่ปัญหาคือมันทำไม่ได้ต้องมีการ select text มาก่อนครับ ส่วนการส่ง mail ก็เอาเถอะครับ เข้า address แล้วไปทั้ง enable tap-to-dial/e-mail ก็ถือว่าใช้ได้เหมือนๆกันครับ ^_^ แล้วค่อยไปว่าเรื่องการใช้งานปุ่มอื่น ว่ามันออกแบบมาเหมาะแล้วจริงเหรอ? ในบทความต่อไปดีกว่าครับ ฮ่าๆ

to the top



สิ่งที่ขาดหายไปของ Clie ผมว่าน่าจะทุกรุ่นครับ คือ ฟังก์ชั่นที่ดีหรือไม่ดีก็ไม่รู้หล่ะ แต่ผมติดครับ 55 คือ write on screen ครับ ด้วยการที่มีจอยาวมาก่อน Palm Inc. ผมว่า Clie อาจจะลืมไปว่า สิ่งที่ทำให้จอยาวใช้ประโยชน์ได้สูงสุดจริงๆมันคือ สามารถเขียนได้โดยที่ใช้จอยาวอยู่ครับ และอีกอย่างที่เห็นชัดๆคือเวลาพลิกจอครับ จะให้เรียก graffiti area แบบแนวตั้งมันไม่ไหวจริงๆครับ เขียนไม่ได้จริงๆครับ มันไม่คุ้นสุดๆครับ ทางออกของปัญหานี้คือ graffiti anywhere ตัวที่ผมใช้คือ 1.5.7 นะครับ freeware ประสิทธิภาพดีครับ สิ่งที่ผมว่ามันดีเพราะ
      • มันลดข้อเสียของการเขียนหน้าจอที่จะมีผลต่อการกด icon ต่างๆได้ครับ ด้วยฟังก์ชั่น single tap recognition คือทำให้เวลาเราต้องการจะจิ้มมันก็จะตรวจจับการจิ้มทันทีครับ ไม่ใช่ว่าต้องจิ้มแล้วค้างไว้แป๊ปนึงเพราะให้มันแน่ใจว่าเป็นการจิ้มเรียกโปรแกรมนะ ไม่ใช่เขียน graffiti ครับ

         แต่ฟังก์ชั่นนี้จะทำให้การเขียนจุดเปลี่ยนไปนะครับ จากที่แค่จุดๆ กลายเป็นต้องขีดตามรูปครับ ในตัวอย่างจะเป็นการเขียนตัว i ครับ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่า การเขียนจุดเขียนได้ 2 วิธีครับ ก็เลือกเอาตามสะดวกหล่ะครับ

      • มีการเปิด-ปิดได้ด้วยปุ่มครับ หรือจะเลือกเป็น tap screen corner ก็ได้ครับ อันนี้ผมว่าเป็นข้อดีครับ เพราะเจ้า clie ไม่มี statusbar แบบ Palm Inc. หล่ะครับ เพราะในบางโปรแกรมเจ้า write on screen มันเป็นข้อเสียมากกว่าข้อดีหล่ะครับ
แต่ผมว่าถ้าโปรแกรมนี้มันให้กดปุ่มเลือกเองว่า จะใช้ปิด-เปิดปุ่มไหนได้เองจะเจ๋งมากครับ เพราะผมว่าถ้าใช้ปุ่ม capture ได้ละก็น่าสนใจดีทีเดียวครับ เพราะว่ายังไงนิ้วโป้งเราก็อยู่แถวๆนั้นอยู่แล้วหน่ะครับ แต่เอาเถอะครับ เพราะว่าสรุปแล้วผมเลือกใช้ tap screen เอาครับ โดยเลือกมุมบนขวาครับ แล้วก็ตั้งขนาดเป็น ซัก 7 pixels ครับ ที่ผมต้องตั้งไว้ใหญ่หน่อยเพราะว่าผมชอบใช้นิ้วเขียนหน่ะครับ ลองจิ้มดูด้วยนิ้วเอาให้เปิด-ปิดสบายหล่ะครับ เท่านี้ก็ทำให้ใช้เครื่องได้สบายใจขึ้นพอสมควรหล่ะครับ
      • มี activation indicator ครับ เป็นสีอะไรก็ได้เล็กๆอยู่ที่มุมล่างฝั่งซ้ายหรือขวาครับผม อันนี้ผมก็กลัวจะเกะกะสายตาเหมือนกันครับ แต่เอาเข้าจริงๆ ถ้าเลือกสีที่ไม่เด่นมากก็ ok หล่ะครับ แต่อย่าเนียนมากเดี๋ยวมองไม่เห็นหล่ะครับ 555

to the top



Landscape v 1.22
   ด้วยการที่ Palm Inc. เค้ามีพลิกหน้าจอกันแบบสะดวกสุดๆ Clie ไหนเลยจะขาด programmer ดีๆครับ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ.. มันไม่ได้รองรับทุกๆโปรแกรม และไม่ได้รองรับการทำงานภาษาไทยเลยครับ กล่าวคือ ผมไม่แน่ใจนักนะครับ ว่ามันเติมเต็มให้กับ TH55 ได้ดีรึป่าวครับ เพราะ
      • โปรแกรมของ Clie TH55 ส่วนใหญ่ไม่ได้รองรับการทำงานแนวนอนแบบเต็มจอครับ ถึงพลิกจอได้ก็ได้แค่ 320px*320px ซึ่งผมมองว่าไม่มีประโยชน์ครับ

      • โปรแกรมที่พลิกหน้าจอได้อย่างเต็มที่นั้น ดีจริงครับ มองได้สะดวกจริงครับ แต่ปัญหากลับกลายมาอยู่ที่ hardware ครับเพราะอย่าง TH55 ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้แนวนอนได้โดยง่ายครับ ตำแหน่งของปุ่มทั้ง 4 และ jog-dial นั้นไม่ได้ช่วยให้ง่ายขึ้นครับ รวมทั้ง hardcover ที่ออกแบบมาได้เกะกะหากมาใช้แบบแนวนอนครับ

      • ถึงแม้จะพลิกจอได้ดี แต่กลับมีปัญหากับภาษาไทยครับ พวกวรรณยุกต์หรือสระที่อยู่บนและล่างตัวอักษรหายหมดครับ -_-'
แต่ก็เอาเถอะครับ มีไว้ก็ไม่เสียหลายครับ เผื่อได้ใช้ แต่ที่ผมว่ามันดีที่สุดคือไว้สำหรับอ่าน ebook หรือพวก pdf หรือ repliGo หล่ะครับ ^_^ ด้วยขนาดไม่ถึง 40 kB ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ใส่ไว้หล่ะครับ

to the top



Hi-Launcher!
   ฮ่าๆ ที่บอกว่าเป็นตัวเพิ่มความสะดวกสบายในความลำบากนั้น มันจริงๆหล่ะครับ เว้นแต่ไม่เคยใช้ Palm จาก Palm Inc. มาก่อนมั้งครับ ก็อาจจะไม่ทราบครับ ด้วยความว่า Clie เป็นผู้ผลิตและออกแบบด้วย concept ที่แทบจะหลุด concept ของ Palm OS หล่ะครับ เลยทำให้ผมว่า Sony เค้าคำนึงถึงความสวยงามมากกว่าการใช้งานครับ ดังนั้นปลีกย่อยเล็กน้อยๆนั้นให้มาน้อยมาก อย่างเรื่องในข้อ 1 2 3 และ 5 บอกได้คำเดียวจริงๆครับ ว่าเพราะความคิดนี้ครับ เลยนำมาซึ่งสิ่งที่ต้องเปลียนแปลงหรือปรับปรุงเพื่อให้ใช้สะดวกขึ้นหน่ะครับ บางคนอาจจะมองมันเป็นจุดเล็กๆ แต่ไม่รู้ซิครับ ผมรู้สึก 555
   ทำไมต้องเลือก Hi-Launcher? ผมว่าสิ่งที่ขาดไปสำหรับ TH55 ที่ต้องการ Hi-launcher มากๆคือ การควบคุมเรื่อง wifi ครับ ถ้าเป็น T|C เค้าจะมี shortcut ให้ที่ command bar ซึ่งผมว่ามันไม่ได้สะดวกมากนะครับ แต่ก็ทำให้สะดวกในการใช้งานขึ้นเยอะครับ ต่างกับ TH55 ซึ่งเป็นการ auto ทุกอย่างทั้งการปิด-เปิดดูแล้วถ้าในแค่ hotspot เดียวหรืออยู่แต่ในบ้านก็ ok หล่ะครับ แต่เมื่อไหร่ที่เปลี่ยนที่เล่น wifi ละก็มันก็ต้องมีอะไรคุมบ้างหล่ะครับ ทั้งการทำงานและการตั้งค่าครับ Hi-Launcher เป็นทางออกนึงครับ เพราะว่า Hi-Launcher สามารถ switch โปรแกรมได้ค่อนข้างอิสระมากๆครับ และมันดีกว่า McPhling ตรงที่สามารถ connect และ disconnect network ที่เลือกไว้ได้เลยครับ อีกอย่างก็คือ การ hotsync ครับผมว่าสาย sync กับเจ้าตัวเล็กๆมันไม่ได้อำนวยความสะดวกซักนิดเลยครับ อย่างของ T|T5 ยังมีปุ่มให้ hotsync หน่ะครับ ส่วนรุ่นอื่นเค้าก็มี cradle กันครับ เลยต้องพึ่ง Hi-Launcher นี่แหละครับ ทำให้ hotsync ได้สะดวกสบายขึ้นเยอะครับ และการเรียกของ Hi-launcher นั้นสามารถเลือก stroke ตรงไหนก็ได้ หรือจะปุ่มไหนก็ได้แล้วแต่ถนัดครับ แล้วมันก็จะขึ้น pop-up มาให้ซึ่งก็สามารถใช้ jog ควมคุมและใช้งานได้ทันทีครับ ประกอบกับแต่งเติมสีสัน บอกวัน เวลาได้อีกด้วยครับ (ผมว่ามันแปลกๆจริงครับ ทั้งๆที่มี statusbar แต่กลับไม่สามารถบอกวันได้เลยว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่ จริงๆน่าจะกดที่เวลาแล้วมี pop-up หน่อยก็น่าจะดีนะครับ ผมว่า..)

to the top



Xiino v 3.4.1E
   อืม broweser ตัวนี้ ผมใช้ 3.4.1E อยู่นะครับ ใช้ได้ดีทั้งแนวตั้งและแนวนอนยาวครบตลอดทั้งจอครับ ซึ่งจริงๆ netfront ก็ทำได้ครับ แต่ที่ผมเลือกตัวนี้ จริงๆผมเลือกตัวนี้ใช้กับทั้ง TH55 และ T|T2 หล่ะครับ ด้วยเหตุผลเดียวที่มันชนะ WebPro ที่ผมว่ามันเจ๋งมากๆมาได้ ก็เพียงเพราะว่ามันสนับสนุนการทำงานร่วมกับทั้ง 5-way และ jog-dial และปุ่ม back ได้อย่างดีมากๆครับ ยิ่งถ้าเป็น TH55 นี่บอกได้คำเดียวครับ เวลาอ่านข่าวนี่สบายครับ
       • จะเลื่อนหน้าก็ด้วย ปุ่มซ้าย-ขวา
       • จะ select ก็เลื่อน jog และกด jog
       • จะ back ปุ่ม back ก็ใช้งานได้ดี (ทั้งที่ browser อื่นกดทีกลับ Launcher เลยครับ)
   เลยยอมจริงๆครับ กับ Xiino! จะเป็น Picsel browser ที่ว่าดีผมก็คงไม่ใช้หล่ะครับเพราะ Picsel browser มันดีจริงๆครับ ทำได้ดีในเรื่องการแสดงผลและความสวยงามครับ แต่กลับควบคุมได้ลำบากมากจริงๆครับ

to the top



Picsel Viewer!
   กับโปรแกรมนี้.. อยู่ใน ROM นี่แหละครับ โปรแกรมนี้ทำให้ Clie ดูมีราศีขึ้นเยอะพอตัวหล่ะครับ ด้วยความสวยของมันที่เข้ากับความเป็น Clie อยู่แล้วแถมยังมีประสิทธิภาพดีจริงๆหล่ะครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องลงเพิ่มคือ Picsel Accelerator ครับ จะทำให้เจ้า Picsel Viewer ทำงานได้ดีขึ้นมากครับ เห็นชัดๆกับความเร็วที่เพิ่มขึ้นได้ครับ โปรแกรมนี้ที่มันไม่ธรรมดาก็ตรงที่ว่ามันเปิดได้แทบทุกอย่างครับ ไม่ว่าจะเป็น PDF, jpg, png, gif (ถ้าเป็น gif animation ก็แสดงนะครับ), html โอ้โห.. เปิดได้สารพัดมากๆครับ เป็น native files ทั้งหมดครับ และผมว่ามันเปิดได้เร็วมากครับ แบบว่า พวกโปรแกรมแสดงรูปอย่าง Resco Viewer ที่ว่าเร็วแล้วผมว่าไม่เร็วกว่าหน่อยก็เท่ากันหล่ะครับ สำหรับ Picsel Viewer ลองมาดูตัวอย่างกันครับ

นี่ครับ menu ของเค้าที่เห็นชัดๆคือความสามารถในการหมุนจอครับ เจ้านี้ทำได้สมบูรณ์แบบอยู่แล้วครับ ไม่ต้องพึ่ง Landscape หล่ะครับ อีกตัวก็ browse เพื่อเปิด file ใน card ทั้งหมดครับ.. เพราะมันเปิดได้แทบทุก file นั้นเอง รองรับทุก directory จะเก็บไว้ยังไงก็ตามใจเลยหล่ะครับ ^_^

มาลองเปิดกันดูเลยดีกว่าครับ ผมจะลองเปิด PDF ตัวนึงนะครับ ขนาดเกือบ 3 MB จะต้องรอซัก 10 วิครับ กว่ามันจะขึ้นครับ แต่พอขึ้นแล้วก็เปิดได้ทุกหน้าแบบกดแล้วมาครับ

ทั้งแบบแนวนอนและแนวตั้งไม่มีปัญหาครับ มาดูเรื่องภาษาไทยกันครับ

   ก็ยังไม่มีปัญหาเหมือนกันครับ ^_^ จะเห็นได้ว่า Palm ก็เปิด native pdf file ได้เหมือนกันแถมความเร็วที่ได้ไม่ได้ด้อยเลยครับ ไม่มีปัญหาภาษาไทยเลยครับ พวก link ทั้งหมดก็ยังใช้งานได้ครับ
   ส่วนในเรื่องของ html นั้นก็เปิดใช้งานได้ดีครับ แต่กลับเป็นมีปัญหากับภาษาไทยหล่ะครับ เลยไม่ไดสามารถใช้งานภาษาไทยได้ครับ ^_^ ซึ่งก็รวมถึงพวก office ด้วยหล่ะครับ เปิดดูได้ครับ หมดจริงๆครับ.. แบบว่างงกับมันจริงๆครับ แต่ไม่รองรับภาษาไทยครับ ถ้าต้องการเรื่องภาษาไทยแนะนำให้ทำเป็น pdf ไปเลยครับ จะไม่มีปัญหาเหมือนในตัวอย่างหน่ะครับ อันนั้นเป็น powerpoint ที่แปลงเป็น pdf ครับ แต่มีข้อสังเกตนิดนึงครับ สำหรับการแปลงเป็น pdf จะทำให้เปิดช้าลงนะครับ ต่างกับเปิด powerpoint ที่ขนาด 10 MB ยังเปิดแล้วอีกอึดใจก็ขึ้นเลยครับ แต่ถ้าเป็น pdf ที่แปลงมาจะได้ประมาณ 2-3 MB แต่เปิดช้ากว่าพอสมควรครับ

to the top



เล่นกับกล้องของ TH55
   ฮ่า ด้วยความที่ไม่เคยมี PDA ที่มีกล้องครับ ประกอบกับไม่คิดว่ามันมีประโยชน์มากครับ แต่พอเอาเข้าจริงมันก็ได้ใช้ประโยชน์จริงๆหล่ะครับ คงเพราะกล้อง TH55 มันชัดพอสมควรด้วยหล่ะครับ เลยกลายเป็นรู้สึกว่าโอ้โห เจ๋งมากครับ อย่างน้อย Palm มันก็ติดตัวเราตลอดเวลาเจออะไรก็ถ่ายเก็บๆไว้เล่นๆ ได้เลยครับ ยิ่งมีเด็กๆ ยิ่งหนุกใหญ่ ถ่ายเด็กกันสนุกเลย และที่สำคัญเรามาดูกันว่ามีอะไรเสริมให้เจ้ากล้องของ TH55 ทำอะไรได้มากขึ้นกันครับ นอกจากถ่ายภาพเจ๋งๆกันแล้ว    ก็แนะนำหนทางที่จะทำให้ใช้ TH55 กับกล้องได้คุ้มที่สุดหล่ะครับ หลากหลายวิธีถึงจะใช้บ้างไม่ใช้บ้าง แต่เราได้รู้ เราได้ลอง เมื่อไหร่ที่ต้องใช้ขึ้นมาจะได้ประยุกต์กับความจำเป็นนั้นๆได้ดีที่สุดครับ ^_^

to the top



Cradle!
อันนี้เป็นของแนะนำจริงๆครับ เนื่องด้วย TH55 นั้นเป็นเครื่อง Dual-front 55 (เลียนแบบชื่อของ K700 ครับ) ที่บอกอย่างนี้เพราะว่าการวางไว้เฉยๆกับพื้นจะคว่ำหน้าลง จะหงายหลัง มันก็ทำให้เครื่องเราเป็นรอยได้ทั้งนั้นครับ ด้านหน้าถ้าใช้ hardcover ก็กลัวเป็นรอย ด้านหลัง เดี๋ยวเจ้าปุ่มซ้าย-ขวาก็ลอกได้ครับ ดังนั้นการที่มี cradle ไว้ผมว่าเป็นการดีมากๆ แถม cradle สำหรับ TH55 ก็ใช้ได้อยู่ 2 ตัวหล่ะครับ    อืม.. ที่แนะนำไปบางคนอาจจะไม่รู้สึกว่า cradle สำคัญนะครับ ด้วยราคาค่าตัวที่ไม่ถูกนัก (ก็พันกว่าๆ และ ประมาณ 4-5 พัน ตามลำดับ) แถมเจ้า TH55 ราคาก็ไม่ได้ถูกแต่ดันไม่ให้มาด้วยครับ เจ้าตัวเล็กก็ไม่มีปุ่ม hotsync ด้วยการออกแบบ cradle เป็นการออกแบบให้วางบนโต๊ะทำงานแล้วก็เขียน หรืออ่านได้เลยเป็นเหมือนทีวางกด hotsync ก็สะดวกหน่ะครับ charge ก็ได้หน่ะครับ ไม่รู้ซิครับ ผมว่า cradle เป็นสิ่งสำคัญของพวก PDA แฮะ เรื่องอย่างนี้ไม่ลองไม่รู้หล่ะครับ เว้นแต่คนที่ใช้ Palm แล้วเป็นเครื่อง standalone ไม่ค่อยคิดจะ sync อยู่แล้วก็คงไม่เห็นความสำคัญของมันหล่ะครับ
Tip เพิ่มเติม:
• การเรียก graffiti area, Decuma Input: เร็วๆนั้น สามารถเรียกและ switch แต่ละ silkscreen ได้ง่ายๆ ด้วยการขืดจากตรงนาฬิกาที่ statusbar เฉียงไปทางขวาบนครับ.. แล้วจะเป็นการเรียกและ switch silkscreen ทันทีครับ ลองดูครับ ตามรูปเลยครับ

+__Sony Clie PEG-TH55 ภาคใช้ให้คุ้มค่า__ + +จากวันประมาณเดือนเมษา-พฤษภา ก็เขียน TH55 ไปแล้วรอบนึงแล้ว เรื่องนี้ก็คิดว่าจะเขียนตั้งแต่เดือนมิ.ย. หล่ะครับ แต่พอเอาเข้าจริงๆ เวลาว่างมันก็มาลงตอนนี้หล่ะครับ ฮ่าๆ กลายเป็นว่าเอาหล่ะ ถึงเวลาเขียนซักที (ทั้งๆที่จริงๆมีอีกเรื่อง แต่แยกกันดีกว่า เพราะว่าอันนู้นเป็นการเขียนเชิงติมากกว่าชมเป็นแน่ครับ) แต่เรื่องนี้จะมาเขียนทั้งวิธี ทั้งโปรแกรมที่ผมว่ามันช่วยให้ใช้งานเจ้า TH55 หรือ Atom (device ID ครับ) ได้สะดวกขึ้น (ในแบบของผมนอื่นไม่รู้หล่ะ 55) + + +ยังไงก็จะเป็นการเขียนที่ค่อนข้างต่อเนื่องจากตัวเก่า ตอบคำถามที่ยังคงเหลือไว้เพราะยังไม่ได้มีการใช้งานเต็มที่หล่ะครับ คราวนี้จะไม่กล่าวถึง Clie Organizer หล่ะครับ เพราะเจ้าตัวนี้มันมีทั้งดีและไม่ดีครับ เลยเก็บไว้บ่นทีเดียวครับ แต่ที่จะพูดจะเป็นการใช้เครื่องโดยรวมหล่ะครับ + +เอาเป็นว่าไม่ต้องเกริ่นแล้วครับ เขียนครั้งนี้จะพยายามไม่มีน้ำ หึหึ + +เล่นกับ software: + +1. บทสรุป Clie Organizer popup menu +2. สิ่งที่ Clie หายไป.. Write on screen +3. เติมเต็มด้วยมุมมองแบบ Landscape +4. เพิ่มความสะดวกในความลำบากด้วย Hi-Launcher! +5. Browser ประจำกาย Xiino +6. สุดยอดโปรแกรมอัจฉริยะ Picsel Viewer! + + +ประยุกต์ใช้งานกับ hardware: + +7. เมื่อเล่นกับกล้องของ TH55 +8. ปิดท้ายด้วย accessories แนะนำ Cradle! + +__Clie Organizer popup menu__ ซึ่งก็คือเจ้าปุ่มขวาสุดนี่แหละครับ... อันนี้หลังจากใช้ได้ไม่นานครับ __"เลิกครับ..."__ เปลี่ยนไปเถอะครับ.. เพราะมันแทบไร้ประโยชน์ ซึ่งจริงๆผมว่าเพียงแค่มันกด New datebook, address,.. อะไรได้แบบ RakuDA ไปเลยผมว่าจะเจ๋งมากก ครับ แต่ปัญหาคือมันทำไม่ได้ต้องมีการ select text มาก่อนครับ ส่วนการส่ง mail ก็เอาเถอะครับ เข้า address แล้วไปทั้ง enable tap-to-dial/e-mail ก็ถือว่าใช้ได้เหมือนๆกันครับ ^_^ แล้วค่อยไปว่าเรื่องการใช้งานปุ่มอื่น ว่ามันออกแบบมาเหมาะแล้วจริงเหรอ? ในบทความต่อไปดีกว่าครับ ฮ่าๆ + +สิ่งที่ขาดหายไปของ Clie ผมว่าน่าจะทุกรุ่นครับ คือ ฟังก์ชั่นที่ดีหรือไม่ดีก็ไม่รู้หล่ะ แต่ผมติดครับ 55 คือ write on screen ครับ ด้วยการที่มีจอยาวมาก่อน Palm Inc. ผมว่า Clie อาจจะลืมไปว่า สิ่งที่ทำให้จอยาวใช้ประโยชน์ได้สูงสุดจริงๆมันคือ สามารถเขียนได้โดยที่ใช้จอยาวอยู่ครับ และอีกอย่างที่เห็นชัดๆคือเวลาพลิกจอครับ จะให้เรียก graffiti area แบบแนวตั้งมันไม่ไหวจริงๆครับ เขียนไม่ได้จริงๆครับ มันไม่คุ้นสุดๆครับ ทางออกของปัญหานี้คือ __graffiti anywhere__ ตัวที่ผมใช้คือ 1.5.7 นะครับ freeware ประสิทธิภาพดีครับ สิ่งที่ผมว่ามันดีเพราะ + +• มันลดข้อเสียของการเขียนหน้าจอที่จะมีผลต่อการกด icon ต่างๆได้ครับ ด้วยฟังก์ชั่น __single tap recognition__ คือทำให้เวลาเราต้องการจะจิ้มมันก็จะตรวจจับการจิ้มทันทีครับ ไม่ใช่ว่าต้องจิ้มแล้วค้างไว้แป๊ปนึงเพราะให้มันแน่ใจว่าเป็นการจิ้มเรียกโปรแกรมนะ ไม่ใช่เขียน graffiti ครับ + + + +แต่ฟังก์ชั่นนี้จะทำให้การเขียนจุดเปลี่ยนไปนะครับ จากที่แค่จุดๆ กลายเป็นต้องขีดตามรูปครับ ในตัวอย่างจะเป็นการเขียนตัว i ครับ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่า การเขียนจุดเขียนได้ 2 วิธีครับ ก็เลือกเอาตามสะดวกหล่ะครับ + + + +• มีการเปิด-ปิดได้ด้วยปุ่มครับ หรือจะเลือกเป็น tap screen corner ก็ได้ครับ อันนี้ผมว่าเป็นข้อดีครับ เพราะเจ้า clie ไม่มี statusbar แบบ Palm Inc. หล่ะครับ เพราะในบางโปรแกรมเจ้า write on screen มันเป็นข้อเสียมากกว่าข้อดีหล่ะครับ +แต่ผมว่าถ้าโปรแกรมนี้มันให้กดปุ่มเลือกเองว่า จะใช้ปิด-เปิดปุ่มไหนได้เองจะเจ๋งมากครับ เพราะผมว่าถ้าใช้ปุ่ม capture ได้ละก็น่าสนใจดีทีเดียวครับ เพราะว่ายังไงนิ้วโป้งเราก็อยู่แถวๆนั้นอยู่แล้วหน่ะครับ แต่เอาเถอะครับ เพราะว่าสรุปแล้วผมเลือกใช้ tap screen เอาครับ โดยเลือกมุมบนขวาครับ แล้วก็ตั้งขนาดเป็น ซัก 7 pixels ครับ ที่ผมต้องตั้งไว้ใหญ่หน่อยเพราะว่าผมชอบใช้นิ้วเขียนหน่ะครับ ลองจิ้มดูด้วยนิ้วเอาให้เปิด-ปิดสบายหล่ะครับ เท่านี้ก็ทำให้ใช้เครื่องได้สบายใจขึ้นพอสมควรหล่ะครับ + +• มี activation indicator ครับ เป็นสีอะไรก็ได้เล็กๆอยู่ที่มุมล่างฝั่งซ้ายหรือขวาครับผม อันนี้ผมก็กลัวจะเกะกะสายตาเหมือนกันครับ แต่เอาเข้าจริงๆ ถ้าเลือกสีที่ไม่เด่นมากก็ ok หล่ะครับ แต่อย่าเนียนมากเดี๋ยวมองไม่เห็นหล่ะครับ 555 + +__Landscape__ __v1.22__ + + +ด้วยการที่ Palm Inc. เค้ามีพลิกหน้าจอกันแบบสะดวกสุดๆ Clie ไหนเลยจะขาด programmer ดีๆครับ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ.. มันไม่ได้รองรับทุกๆโปรแกรม และไม่ได้รองรับการทำงานภาษาไทยเลยครับ กล่าวคือ ผมไม่แน่ใจนักนะครับ ว่ามันเติมเต็มให้กับ TH55 ได้ดีรึป่าวครับ เพราะ + +• โปรแกรมของ Clie TH55 ส่วนใหญ่ไม่ได้รองรับการทำงานแนวนอนแบบเต็มจอครับ ถึงพลิกจอได้ก็ได้แค่ 320px*320px ซึ่งผมมองว่าไม่มีประโยชน์ครับ +• โปรแกรมที่พลิกหน้าจอได้อย่างเต็มที่นั้น ดีจริงครับ มองได้สะดวกจริงครับ แต่ปัญหากลับกลายมาอยู่ที่ hardware ครับเพราะอย่าง TH55 ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้แนวนอนได้โดยง่ายครับ ตำแหน่งของปุ่มทั้ง 4 และ jog-dial นั้นไม่ได้ช่วยให้ง่ายขึ้นครับ รวมทั้ง hardcover ที่ออกแบบมาได้เกะกะหากมาใช้แบบแนวนอนครับ +• ถึงแม้จะพลิกจอได้ดี แต่กลับมีปัญหากับภาษาไทยครับ พวกวรรณยุกต์หรือสระที่อยู่บนและล่างตัวอักษรหายหมดครับ -_-' +แต่ก็เอาเถอะครับ มีไว้ก็ไม่เสียหลายครับ เผื่อได้ใช้ แต่ที่ผมว่ามันดีที่สุดคือไว้สำหรับอ่าน ebook หรือพวก pdf หรือ repliGo หล่ะครับ ^_^ ด้วยขนาดไม่ถึง 40 kB ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ใส่ไว้หล่ะครับ + +__Hi-Launcher!__ + + +ฮ่าๆ ที่บอกว่าเป็นตัวเพิ่มความสะดวกสบายในความลำบากนั้น มันจริงๆหล่ะครับ เว้นแต่ไม่เคยใช้ Palm จาก Palm Inc. มาก่อนมั้งครับ ก็อาจจะไม่ทราบครับ ด้วยความว่า Clie เป็นผู้ผลิตและออกแบบด้วย concept ที่แทบจะหลุด concept ของ Palm OS หล่ะครับ เลยทำให้ผมว่า Sony เค้าคำนึงถึงความสวยงามมากกว่าการใช้งานครับ ดังนั้นปลีกย่อยเล็กน้อยๆนั้นให้มาน้อยมาก อย่างเรื่องในข้อ 1 2 3 และ 5 บอกได้คำเดียวจริงๆครับ ว่าเพราะความคิดนี้ครับ เลยนำมาซึ่งสิ่งที่ต้องเปลียนแปลงหรือปรับปรุงเพื่อให้ใช้สะดวกขึ้นหน่ะครับ บางคนอาจจะมองมันเป็นจุดเล็กๆ แต่ไม่รู้ซิครับ ผมรู้สึก 555 + +ทำไมต้องเลือก Hi-Launcher? ผมว่าสิ่งที่ขาดไปสำหรับ TH55 ที่ต้องการ Hi-launcher มากๆคือ การควบคุมเรื่อง wifi ครับ ถ้าเป็น TC เค้าจะมี shortcut ให้ที่ command bar ซึ่งผมว่ามันไม่ได้สะดวกมากนะครับ แต่ก็ทำให้สะดวกในการใช้งานขึ้นเยอะครับ ต่างกับ TH55 ซึ่งเป็นการ auto ทุกอย่างทั้งการปิด-เปิดดูแล้วถ้าในแค่ hotspot เดียวหรืออยู่แต่ในบ้านก็ ok หล่ะครับ แต่เมื่อไหร่ที่เปลี่ยนที่เล่น wifi ละก็มันก็ต้องมีอะไรคุมบ้างหล่ะครับ ทั้งการทำงานและการตั้งค่าครับ Hi-Launcher เป็นทางออกนึงครับ เพราะว่า Hi-Launcher สามารถ switch โปรแกรมได้ค่อนข้างอิสระมากๆครับ และมันดีกว่า McPhling ตรงที่สามารถ connect และ disconnect network ที่เลือกไว้ได้เลยครับ อีกอย่างก็คือ การ hotsync ครับผมว่าสาย sync กับเจ้าตัวเล็กๆมันไม่ได้อำนวยความสะดวกซักนิดเลยครับ อย่างของ TT5 ยังมีปุ่มให้ hotsync หน่ะครับ ส่วนรุ่นอื่นเค้าก็มี cradle กันครับ เลยต้องพึ่ง Hi-Launcher นี่แหละครับ ทำให้ hotsync ได้สะดวกสบายขึ้นเยอะครับ และการเรียกของ Hi-launcher นั้นสามารถเลือก stroke ตรงไหนก็ได้ หรือจะปุ่มไหนก็ได้แล้วแต่ถนัดครับ แล้วมันก็จะขึ้น pop-up มาให้ซึ่งก็สามารถใช้ jog ควมคุมและใช้งานได้ทันทีครับ ประกอบกับแต่งเติมสีสัน บอกวัน เวลาได้อีกด้วยครับ (ผมว่ามันแปลกๆจริงครับ ทั้งๆที่มี statusbar แต่กลับไม่สามารถบอกวันได้เลยว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่ จริงๆน่าจะกดที่เวลาแล้วมี pop-up หน่อยก็น่าจะดีนะครับ ผมว่า..) + +__Xiino__ __v3.4.1E__ + + +อืม broweser ตัวนี้ ผมใช้ 3.4.1E อยู่นะครับ ใช้ได้ดีทั้งแนวตั้งและแนวนอนยาวครบตลอดทั้งจอครับ ซึ่งจริงๆ netfront ก็ทำได้ครับ แต่ที่ผมเลือกตัวนี้ จริงๆผมเลือกตัวนี้ใช้กับทั้ง TH55 และ TT2 หล่ะครับ ด้วยเหตุผลเดียวที่มันชนะ WebPro ที่ผมว่ามันเจ๋งมากๆมาได้ ก็เพียงเพราะว่ามันสนับสนุนการทำงานร่วมกับทั้ง 5-way และ jog-dial และปุ่ม back ได้อย่างดีมากๆครับ ยิ่งถ้าเป็น TH55 นี่บอกได้คำเดียวครับ เวลาอ่านข่าวนี่สบายครับ + +* จะเลื่อนหน้าก็ด้วย ปุ่มซ้าย-ขวา +* จะ select ก็เลื่อน jog และกด jog +* จะ back ปุ่ม back ก็ใช้งานได้ดี (ทั้งที่ browser อื่นกดทีกลับ Launcher เลยครับ) + +เลยยอมจริงๆครับ กับ Xiino! จะเป็น Picsel browser ที่ว่าดีผมก็คงไม่ใช้หล่ะครับเพราะ Picsel browser มันดีจริงๆครับ ทำได้ดีในเรื่องการแสดงผลและความสวยงามครับ แต่กลับควบคุมได้ลำบากมากจริงๆครับ + +__Picsel Viewer!__ + + +กับโปรแกรมนี้.. อยู่ใน ROM นี่แหละครับ โปรแกรมนี้ทำให้ Clie ดูมีราศีขึ้นเยอะพอตัวหล่ะครับ ด้วยความสวยของมันที่เข้ากับความเป็น Clie อยู่แล้วแถมยังมีประสิทธิภาพดีจริงๆหล่ะครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องลงเพิ่มคือ Picsel Accelerator ครับ จะทำให้เจ้า Picsel Viewer ทำงานได้ดีขึ้นมากครับ เห็นชัดๆกับความเร็วที่เพิ่มขึ้นได้ครับ โปรแกรมนี้ที่มันไม่ธรรมดาก็ตรงที่ว่ามันเปิดได้แทบทุกอย่างครับ ไม่ว่าจะเป็น__ PDF, jpg, png, gif (ถ้าเป็น gif animation ก็แสดงนะครับ), html โอ้โห..__ เปิดได้สารพัดมากๆครับ เป็น native files ทั้งหมดครับ และผมว่ามันเปิดได้เร็วมากครับ แบบว่า พวกโปรแกรมแสดงรูปอย่าง Resco Viewer ที่ว่าเร็วแล้วผมว่าไม่เร็วกว่าหน่อยก็เท่ากันหล่ะครับ สำหรับ Picsel Viewer ลองมาดูตัวอย่างกันครับ + + + +นี่ครับ menu ของเค้าที่เห็นชัดๆคือความสามารถในการหมุนจอครับ เจ้านี้ทำได้สมบูรณ์แบบอยู่แล้วครับ ไม่ต้องพึ่ง Landscape หล่ะครับ อีกตัวก็ browse เพื่อเปิด file ใน card ทั้งหมดครับ.. เพราะมันเปิดได้แทบทุก file นั้นเอง รองรับทุก directory จะเก็บไว้ยังไงก็ตามใจเลยหล่ะครับ ^_^ + + + +มาลองเปิดกันดูเลยดีกว่าครับ ผมจะลองเปิด PDF ตัวนึงนะครับ ขนาดเกือบ 3 MB จะต้องรอซัก 10 วิครับ กว่ามันจะขึ้นครับ แต่พอขึ้นแล้วก็เปิดได้ทุกหน้าแบบกดแล้วมาครับ + + + +ทั้งแบบแนวนอนและแนวตั้งไม่มีปัญหาครับ มาดูเรื่องภาษาไทยกันครับ + + + +ก็ยังไม่มีปัญหาเหมือนกันครับ ^_^ จะเห็นได้ว่า Palm ก็เปิด native pdf file ได้เหมือนกันแถมความเร็วที่ได้ไม่ได้ด้อยเลยครับ ไม่มีปัญหาภาษาไทยเลยครับ พวก link ทั้งหมดก็ยังใช้งานได้ครับ + +ส่วนในเรื่องของ html นั้นก็เปิดใช้งานได้ดีครับ แต่กลับเป็นมีปัญหากับภาษาไทยหล่ะครับ เลยไม่ไดสามารถใช้งานภาษาไทยได้ครับ ^_^ ซึ่งก็รวมถึงพวก office ด้วยหล่ะครับ เปิดดูได้ครับ หมดจริงๆครับ.. แบบว่างงกับมันจริงๆครับ แต่ไม่รองรับภาษาไทยครับ ถ้าต้องการเรื่องภาษาไทยแนะนำให้ทำเป็น pdf ไปเลยครับ จะไม่มีปัญหาเหมือนในตัวอย่างหน่ะครับ อันนั้นเป็น powerpoint ที่แปลงเป็น pdf ครับ แต่มีข้อสังเกตนิดนึงครับ สำหรับการแปลงเป็น pdf จะทำให้เปิดช้าลงนะครับ ต่างกับเปิด powerpoint ที่ขนาด 10 MB ยังเปิดแล้วอีกอึดใจก็ขึ้นเลยครับ แต่ถ้าเป็น pdf ที่แปลงมาจะได้ประมาณ 2-3 MB แต่เปิดช้ากว่าพอสมควรครับ + +__ข้อดีมากๆ__ + +* รองรับ Native files เกือบทุก format หล่ะครับ : PDF, html, jpg, gif, png, doc, xls, ppt, txt +* หน้าตาสวยดีครับ เข้าใจง่าย +* รองรับการทำงานด้วยปุ่ม jog-dial ครับ + +__ข้อเสีย__ + +* ไม่รองรับภาษาไทย +* เปิด PDF ช้าไปนิดครับ + +__เล่นกับกล้องของ TH55__ + +ฮ่า ด้วยความที่ไม่เคยมี PDA ที่มีกล้องครับ ประกอบกับไม่คิดว่ามันมีประโยชน์มากครับ แต่พอเอาเข้าจริงมันก็ได้ใช้ประโยชน์จริงๆหล่ะครับ คงเพราะกล้อง TH55 มันชัดพอสมควรด้วยหล่ะครับ เลยกลายเป็นรู้สึกว่าโอ้โห เจ๋งมากครับ อย่างน้อย Palm มันก็ติดตัวเราตลอดเวลาเจออะไรก็ถ่ายเก็บๆไว้เล่นๆ ได้เลยครับ ยิ่งมีเด็กๆ ยิ่งหนุกใหญ่ ถ่ายเด็กกันสนุกเลย และที่สำคัญเรามาดูกันว่ามีอะไรเสริมให้เจ้ากล้องของ TH55 ทำอะไรได้มากขึ้นกันครับ นอกจากถ่ายภาพเจ๋งๆกันแล้ว __1. สนุกกับการถ่าย clip ด้วย Movie Recorder__ + +หลังจากที่ TH55 ดันไม่มีโปรแกรมถ่ายวิดีโอมาให้ทั้งๆที่รุ่นก่อนหน้านี้อย่าง UX-50 และก็น่าจะอยู่ในตำแหน่ง flagship เหมือนกันก็น่าจะมีให้มาหน่อยก็ดีนะครับ เลยต้องมีความต้องการแล้วหล่ะครับ 55 มันก็เลยมีพวกมือซนที่มี UX-50 ด้วยก็เลยไปเอา__ Movie Recorder__ มาใช้กับ TH55 ดูก็กลายเป็นได้จริงๆด้วยครับ แต่ปัญหาคือ สำหรับ Movie Recorder ก็ทำได้เพียงขำ-ขำหล่ะครับเพราะว่าจะถ่ายได้เป็น clip .mqv ครับ เปิดได้กับ QuickTime ครับ จะได้ขนาดเพียง 160px*112px, 15fps ครับ แต่ที่สำคัญคือมันฟรีครับ ^_^ +__2. สนุกกับการใช้กล้องเป็น WebCam ด้วย Palm Webcam__ อันนี้ shareware หล่ะครับ แต่ผมว่ามันก็เจ๋งดีทีเดียวครับ เอาไว้เล่นผ่าน MSN ได้สบายๆหล่ะครับ ผมว่ามันก็ ok นะครับเรียกว่าชัดทีเดียวหล่ะครับ +__3. ใช้เป็นกล้องวงจรปิดผ่าน wifi__ ด้วยโปรแกรม SpyStillCam กับ SpyCamWatcher ใน PC แล้วสามารถทำให้ TH55 เป็นกล้องวงจรปิดผ่าน wifi เลยหล่ะครับ ด้วยการที่กล้องของเจ้า TH55 ก็ชัดพอตัวอยู่แล้วหล่ะครับ ประกอบกับตัวบน PC นี่ปรับค่าได้เหมือนกับตอนถ่ายรูปปกติของ TH55 เลยหล่ะครับ เลยทำให้พอจะทำให้เป็นกล้องวงจรปิดตอนกลางวันเล่นๆได้เลยหล่ะครับ ด้วยความอึดของ TH55 อย่างน้อยก็อยู่ได้ซัก 3-4 ชม.หล่ะครับ ^_^ อ้อ..เจ้า spystillcam นี่ freeware เลยนะครับ 555 +ก็แนะนำหนทางที่จะทำให้ใช้ TH55 กับกล้องได้คุ้มที่สุดหล่ะครับ หลากหลายวิธีถึงจะใช้บ้างไม่ใช้บ้าง แต่เราได้รู้ เราได้ลอง เมื่อไหร่ที่ต้องใช้ขึ้นมาจะได้ประยุกต์กับความจำเป็นนั้นๆได้ดีที่สุดครับ ^_^ + +__Cradle!__ + +อันนี้เป็นของแนะนำจริงๆครับ เนื่องด้วย TH55 นั้นเป็นเครื่อง Dual-front 55 (เลียนแบบชื่อของ K700 ครับ) ที่บอกอย่างนี้เพราะว่าการวางไว้เฉยๆกับพื้นจะคว่ำหน้าลง จะหงายหลัง มันก็ทำให้เครื่องเราเป็นรอยได้ทั้งนั้นครับ ด้านหน้าถ้าใช้ hardcover ก็กลัวเป็นรอย ด้านหลัง เดี๋ยวเจ้าปุ่มซ้าย-ขวาก็ลอกได้ครับ ดังนั้นการที่มี cradle ไว้ผมว่าเป็นการดีมากๆ แถม cradle สำหรับ TH55 ก็ใช้ได้อยู่ 2 ตัวหล่ะครับ + +* PEGA-UC55 ครับ ตัวนี้เป็น cradle ธรรมดาครับ แต่หน้าตาและขนาดนี่สวยจริงๆครับ... เล็กนิดเดียวเองครับ + +* PEGA-SPC100K ตัวนี้ไม่ใช้ cradle ธรรมดาครับ เป็น Speaker cradle ครับ เห็นครั้งแรกตกใจครับ นึกว่าหมอน 3 เหลี่ยมขนาดเล็ก ขายเป็นที่ระลึกในงาน OTOP ที่แสนจะประสบความสำเร็จ..แค่เบื้องหน้า หึหึ เจ้าตัวนี้ฟังเพลงจากตัวนี้ได้เลยครับ โดยต้องเสียบ adapter เวลาฟังด้วยนะครับ หรือจะมี line-in มาเสียบไว้เฉยๆก็ได้ครับ เป็นเหมือนลำโพงก็ได้ครับ... แต่สิ่งที่ผิดหวังกับมันก็คือ ... เสียงที่ได้ครับ ถึงแม้ตัวลำโพงจะเป็น stereo นะครับ แต่เสียงทีได้นั้นไม่ได้น่าประทับใจเลยครับ ผมว่าก็แค่ได้เป็นตัวขยายเสียงให้มันดังขึ้น (ดังมากจริงๆครับ) ฟังในห้องเล่นๆหล่ะครับ + + +ในรูปนี้อาจจะไม่เห็นว่ามันเป็นยังไงครับ มาดูกันครับ + + + +นี่แหละครับ ที่บอกว่ามันไม่ได้เล็กเลยครับ แต่มันก็สวยดีนะครับ มีที่เสียบ stylus ซะด้วยครับ ดูได้ใช้ประโยชน์หน่อยครับ พอเมื่อวางเจ้า TH55 ไปแล้วก็จะเห็นว่าขนาดก็ ok หล่ะครับ ^_^ แต่ว่าถ้าเทียบกับ UC55 แล้วหล่ะก็ อิอิ ต่างกันมากอยู่ครับ + + + +อืม.. ที่แนะนำไปบางคนอาจจะไม่รู้สึกว่า cradle สำคัญนะครับ ด้วยราคาค่าตัวที่ไม่ถูกนัก (ก็พันกว่าๆ และ ประมาณ 4-5 พัน ตามลำดับ) แถมเจ้า TH55 ราคาก็ไม่ได้ถูกแต่ดันไม่ให้มาด้วยครับ เจ้าตัวเล็กก็ไม่มีปุ่ม hotsync ด้วยการออกแบบ cradle เป็นการออกแบบให้วางบนโต๊ะทำงานแล้วก็เขียน หรืออ่านได้เลยเป็นเหมือนทีวางกด hotsync ก็สะดวกหน่ะครับ charge ก็ได้หน่ะครับ ไม่รู้ซิครับ ผมว่า cradle เป็นสิ่งสำคัญของพวก PDA แฮะ เรื่องอย่างนี้ไม่ลองไม่รู้หล่ะครับ เว้นแต่คนที่ใช้ Palm แล้วเป็นเครื่อง standalone ไม่ค่อยคิดจะ sync อยู่แล้วก็คงไม่เห็นความสำคัญของมันหล่ะครับ + +__Tip เพิ่มเติม:__ + +* การเรียก graffiti area, Decuma Input: เร็วๆนั้น สามารถเรียกและ switch แต่ละ silkscreen ได้ง่ายๆ ด้วยการขืดจากตรงนาฬิกาที่ statusbar เฉียงไปทางขวาบนครับ.. แล้วจะเป็นการเรียกและ switch silkscreen ทันทีครับ ลองดูครับ ตามรูปเลยครับ + + + diff --git a/_posts/2005-12-22-.md b/_posts/2005-12-22-fix-101.md similarity index 100% rename from _posts/2005-12-22-.md rename to _posts/2005-12-22-fix-101.md diff --git a/_posts/2007-01-27-lacie-250gb-ethernet-disk-mini.md b/_posts/2007-01-27-lacie-250gb-ethernet-disk-mini.md index b3a8150..588cc65 100644 --- a/_posts/2007-01-27-lacie-250gb-ethernet-disk-mini.md +++ b/_posts/2007-01-27-lacie-250gb-ethernet-disk-mini.md @@ -6,4 +6,30 @@ categories: - storage - review --- -It's such a long time I was looking for an extra storage solution which works flawlessly, doesn't have to avoid data loss from unplugging unintentionally, and has security feature. Now It's all come in NAS - Network Attached Storage.

   Since a network came to be the new role of computer system in home, network-related devices cost has been deceased dramatically. For example, in the past, a printer server was really expensive, so when you want all your computers in a house to print something out; you have to share printer from the computer that directly connects with the printer. That is sometimes painful because you have to turn that computer all the times to make sure that you don't have to go downstair just to turn on the computer and go back and forth just to print only one page long. Now, with sub $200 printer you have options to use either ethernet or USB.

   NAS is another network-related device which makes your life easier. You don't have to worry about space on your desk or if an USB port has enough power for external hard drive or the important thing like data loss from unplug without eject the device. Basically, all NASs work by connecting with a network, then every computer in the network sees it as file server or you can access it through your browser via HTTP server or FTP server. You don't even have to install anything on any platform you use. You may have to login to access data depending on your own setting.

   For Lacie 250GB Ethernet disk mini, the reason why it named, "mini," is its small capacities compared to other models from this company.

LaCie Ethernet Disk mini 250GB specification
Item Number : 300938U
Capacity : 250 GB
Interface : Fast Ethernet 10/100 & Hi-Speed USB 2.0
Rotational Speed (rpm) : 7200
Cache Size : 8MB
Processor/RAM : 266Mhz / 32MB SDRAM
Interface Transfer Rate : Ethernet: 100 Mbits/s; USB 2.0: 480 Mbits/s
Network Setting : No drivers needed, no server required
DHCP auto IP assignment
Manual configuration through web-based management
Network Protocols : TCP/IP, Windows: SMB/CIFS, Mac: AppleTalk/AFP v3.1, FTP, HTTP
Network Compatibility : Apple Bonjour Protocol; WINS server
Dimensions (WxHxD) : 160 x 173 x 44 mm / 6.3 x 6.82 x 1.734 in
Weight : 1500g / 52.95 oz
Supported OS : Windows 98SE*; Windows 2000; Windows Me*; Windows? XP (SP1 & SP2); Mac OS 9*/X, Intel processor Mac, Linux 2.4 & higher*
* Only on the Ethernet network
System Requirements : Ethernet connection 10/100; USB 2.0 port (USB 1.1 compatible); Microsoft Internet Explorer 4.01 or higher, Netscape, Safari
Comments : 1 gigabyte = 1,000,000,000 bytes. Once formatted, the actual available storage capacity varies depending on operating environment (typically 10-15% less).
Box Content : Ethernet Cable, HI-Speed USB 2.0 cable (USB 1.1 compatible), External Power Supply, Drive stand for upright desktop use, LaCie Utilities CD-ROM with online Manual & SilverKeeper software (for Mac) for automatic backup and file verification, Quick Install Guide
   As you can see, you may wonder why it has a CPU. The fact is this kind of device needs to have CPU and OS to make it work too.
 
   For this model, its OS is Linux embedded, just to work as small servers. Let see how to use it in pictures below:-
   
   It's really simple, just plug and play. When I first got this NAS, the package from Buy.com & LaCie is quite nice and over-protection which is good. In case you don't have hub or router yet, you can plug it to computer directly. It will generate IP automatically by DHCP. How convenient it is.
     
   At first, I used it as USB Harddisk for a faster transfer. I found that Windows XP saw it as removable disk like USB flash drive, not hard disk drive as other external hard drives. Unfortunately, it required password to accesss data. I really impressed for what Lacie does about security. Then I moved about 27GB into this drive; I don't know whether it's fast or not because I think it's the same as other external drive, that is, its speed is limited by USB capability. After that I had a little test to show how good it is.
 
   14-15MBps ~ 120Mbps same level as other USB external drive I have, I think it should be the limit of USB. So when I had finished moving all my stuffs, I changed it to connect the network (100Mbps Ethernet) instead.
   

Setting up
   Actually, you don't have to set anything up to make it work; however, in that case, you'd got to use default value to log it on. This drive has a web-based manager that you can set anything from what protocol you want to enable, which directory you want to share, to which user has more or less permission.
   You can access an admin page by its IP or an URL, "edmini.local."
     
   it's flexible ebough for anyone, I think. In share page, you can set "guest user" as well. so, you don't have to login to access at all if you just want to look up your files, read-only. Whether you use Mac, Linux, or Windows, it's all the same.
 
   in case you use Mac OSX, you could make connect to this drive by "smb://edmin.local." or "cifs://edmin.local." or you can make automator do it for you!
 

Performance
 
   Fortunately, it's slower due to the connection but I can say that it's enough. I don't think 6MB/s (52Mbps) is slow. I test by watching Pooh's Huffalump movie, 352 x 240, 96kbps, divX; it works great and smooth. But when I watched Fantastic Four, 624 x 256, Xvid, 127kbps, 23 frame/s, it's slightly lag.

to the top


Conclusion
   This is my best solution for extra storage so far. Easy, fast, and secure are included in this drive. All I can tell is if you want some extra storage and you have more than one computer in your house, I bet NAS is the most suitable solution. About working condition of this drive, it produces little sound because of hard drive and little fan on the back; nonetheless, you won't notice this unless you sleep and turn anything off but this one. For me, $99 for 250GB is really worth compare to 320GB at the same price but USB connection only.

  Pros   Cons
• Network Attached Storage • a bit expensive
• Security feature

Reference: Product Page at LaCie.com +It's such a long time I was looking for an extra storage solution which works flawlessly, doesn't have to avoid data loss from unplugging unintentionally, and has security feature. Now It's all come in NAS - Network Attached Storage. + +Since a network came to be the new role of computer system in home, network-related devices cost has been deceased dramatically. For example, in the past, a printer server was really expensive, so when you want all your computers in a house to print something out; you have to share printer from the computer that directly connects with the printer. That is sometimes painful because you have to turn that computer all the times to make sure that you don't have to go downstair just to turn on the computer and go back and forth just to print only one page long. Now, with sub $200 printer you have options to use either ethernet or USB. + +NAS is another network-related device which makes your life easier. You don't have to worry about space on your desk or if an USB port has enough power for external hard drive or the important thing like data loss from unplug without eject the device. Basically, all NASs work by connecting with a network, then every computer in the network sees it as file server or you can access it through your browser via HTTP server or FTP server. You don't even have to install anything on any platform you use. You may have to login to access data depending on your own setting. + +For Lacie 250GB Ethernet disk mini, the reason why it named, "mini," is its small capacities compared to other models from this company. + +
LaCie Ethernet Disk mini 250GB specification
Item Number : 300938U
Capacity : 250 GB
Interface : Fast Ethernet 10/100 & Hi-Speed USB 2.0
Rotational Speed (rpm) : 7200
Cache Size : 8MB
Processor/RAM : 266Mhz / 32MB SDRAM
Interface Transfer Rate : Ethernet: 100 Mbits/s; USB 2.0: 480 Mbits/s
Network Setting : No drivers needed, no server required
DHCP auto IP assignment
Manual configuration through web-based management
Network Protocols : TCP/IP, Windows: SMB/CIFS, Mac: AppleTalk/AFP v3.1, FTP, HTTP
Network Compatibility : Apple Bonjour Protocol; WINS server
Dimensions (WxHxD) : 160 x 173 x 44 mm / 6.3 x 6.82 x 1.734 in
Weight : 1500g / 52.95 oz
Supported OS : Windows 98SE*; Windows 2000; Windows Me*; Windows? XP (SP1 & SP2); Mac OS 9*/X, Intel processor Mac, Linux 2.4 & higher*
* Only on the Ethernet network
System Requirements : Ethernet connection 10/100; USB 2.0 port (USB 1.1 compatible); Microsoft Internet Explorer 4.01 or higher, Netscape, Safari
Comments : 1 gigabyte = 1,000,000,000 bytes. Once formatted, the actual available storage capacity varies depending on operating environment (typically 10-15% less).
Box Content : Ethernet Cable, HI-Speed USB 2.0 cable (USB 1.1 compatible), External Power Supply, Drive stand for upright desktop use, LaCie Utilities CD-ROM with online Manual & SilverKeeper software (for Mac) for automatic backup and file verification, Quick Install Guide
+ +As you can see, you may wonder why it has a CPU. The fact is this kind of device needs to have CPU and OS to make it work too.
 
   For this model, its OS is Linux embedded, just to work as small servers. Let see how to use it in pictures below:-
   
   It's really simple, just plug and play. When I first got this NAS, the package from Buy.com & LaCie is quite nice and over-protection which is good. In case you don't have hub or router yet, you can plug it to computer directly. It will generate IP automatically by DHCP. How convenient it is.
     
   At first, I used it as USB Harddisk for a faster transfer. I found that Windows XP saw it as removable disk like USB flash drive, not hard disk drive as other external hard drives. Unfortunately, it required password to accesss data. I really impressed for what Lacie does about security. Then I moved about 27GB into this drive; I don't know whether it's fast or not because I think it's the same as other external drive, that is, its speed is limited by USB capability. After that I had a little test to show how good it is.
 
   14-15MBps ~ 120Mbps same level as other USB external drive I have, I think it should be the limit of USB. So when I had finished moving all my stuffs, I changed it to connect the network (100Mbps Ethernet) instead.
   
+ +Setting up + +Actually, you don't have to set anything up to make it work; however, in that case, you'd got to use default value to log it on. This drive has a web-based manager that you can set anything from what protocol you want to enable, which directory you want to share, to which user has more or less permission. + +You can access an admin page by its IP or an URL, "edmini.local."
     
   it's flexible ebough for anyone, I think. In share page, you can set "guest user" as well. so, you don't have to login to access at all if you just want to look up your files, read-only. Whether you use Mac, Linux, or Windows, it's all the same.
 
   in case you use Mac OSX, you could make connect to this drive by "smb://edmin.local." or "cifs://edmin.local." or you can make automator do it for you!
 
+ +Performance
 
   Fortunately, it's slower due to the connection but I can say that it's enough. I don't think 6MB/s (52Mbps) is slow. I test by watching Pooh's Huffalump movie, 352 x 240, 96kbps, divX; it works great and smooth. But when I watched Fantastic Four, 624 x 256, Xvid, 127kbps, 23 frame/s, it's slightly lag. + +Conclusion + +This is my best solution for extra storage so far. Easy, fast, and secure are included in this drive. All I can tell is if you want some extra storage and you have more than one computer in your house, I bet NAS is the most suitable solution. About working condition of this drive, it produces little sound because of hard drive and little fan on the back; nonetheless, you won't notice this unless you sleep and turn anything off but this one. For me, $99 for 250GB is really worth compare to 320GB at the same price but USB connection only. + +
  Pros   Cons
• Network Attached Storage • a bit expensive
• Security feature
+ +Reference: Product Page at LaCie.com diff --git a/_posts/2007-04-27-diy-nas.md b/_posts/2007-04-27-diy-nas.md index 75a581f..5eb1487 100644 --- a/_posts/2007-04-27-diy-nas.md +++ b/_posts/2007-04-27-diy-nas.md @@ -9,4 +9,96 @@ categories: - diy - computer --- -Homemaded Network Attached Storage: the way you save your bucks but not your bill. Ask for a fast network attached storage, we do it ourselves. With the inspiration from the article "DIY NAS Smackdown" by smallnetbuilder.com and requirement to store much more things, DIY NAS comes to my mind. The first thing we have to know about NAS is what it is exactly. NAS is a computer which does only a purpose, sharing a storage. So, it could be very limited computer such as 300MHz CPU, 128MB RAM, hard drive, and NIC. That means you can reuse your old computer in a garrage as a file server for your home network. Because of this small requirement, recent NAS products like LaCie Ethernet mini, Buffalo Storage Station, etc, come in very small factor as same as Firewire, USB Storage. But instead of only a controller that transform internal interface into external interface, this is a whole computer set with embedded OS that is the point to differentiate the performance and usuability of each product.

   an OS that requires to run on NAS can be not only embedded OS but full one as well. However, in order to cut down the product cost, no one braves enough to put Windows XP Professional Edition into its product. Like LaCie, they have two OSs for their products which are their tiny Linux distribution for low-end product and Windows embeded for high-end product that needs an agressive performance. This time, we will pay attention to how boost our DIY NAS with nice Linux distro, Ubuntu, and Windows XP to make a comparison. The thing that makes NAS differs in term of performance is packages that send over the network has headers which is different by each OS and protocol and how they handle data over network.

   For you guys who don't familiar with Linux, you have to know Samba, the service to share a file over Windows network. You will have to set up only a few things to make it work. About the installation, Ubuntu team does make it very easy for everyone, I'm sure.

to the top


Step 1: Choosing the hardware
   I will start with all parts building this NAS; my purpose is doing NAS, HTTP, MySQL, and FTP server. The best thing of being in the US is there are a lot of rebate throughout the year. Sometimes it's mail-in rebate which is not really good; sometimes it's an instant rebate. That's really awesome. Every parts I got is rebated-stuff. Here we go:-

AMD Opteron 144 1MB L2 Cache 1.6@2.0GHz $69.99
256MB PC3200 RAM (from sidewalk garbage, so it's free)
M/B Foxconn WinFast 6150K8MA-8EKRS $69.99
DVD-RW SATA Sony NEC $31.99
2*Seagate Barracuda 160GB SATA-2 8MB buffer ST160812AS-RK $39.99*2
Ultra mATX case $59.99
---------------------------------------------------------------
Total: $69.99+59.99+31.99+79.98+59.99 = $328.07

   I think that's reasonable price: Gigabit Ethernet, nVidia GeForce 6150 onboard, Firewire, RAID 0, 1, 5 (which I cannot use because of only 2 harddrives I have & not any available place for another one) However, if you have your old computer, you might have to buy only any Ethernet NIC (no matter it's 10/100 or gigabit) and hard disk drive that is big enough. Then you will have to spend less than a hundred to get 400GB NAS. Sound good, right?

to the top


Step 2: Installing an OS and setting sharing folder
   How we set up the Ubuntu server. The reason why I choose Ubuntu server edition is it's light and Ubuntu community claims that this version performs better in server hardware (ha ha maybe they tweak for Opteron, I hope). Other might prefer desktop version which included GUI, honestly so do I but it doesn't matter how beautiful it is when using as server. I went through this following step for installation:-
- go get Ubuntu Server Installation CD at http://ubuntu.com (now it should be Feisty Fawn - 7.04) *choose CPU architecture you have to get the best result*
- burn into disc
- boot with that CD, it will start menu and select install Ubuntu server.
- follow the instructions, you have to build a partition for it at least 2 partition: 1 ext3, 1 swap [about 2 time of RAM] (actually, there is an automatic option as well)
- after finished installation, then install samba server by login and type the following commands:-
"sudo apt-get install samba"
"sudo apt-get install smbfs"

** This is all set for installing samba **

- next, you have to config your share directory
- decide what directory to share (mostly in /home/), you could create new directory by command,
"mkdir /home/###"
"chmod 0777 /home/###"
"cd /etc/samba"
"sudo nano smb.conf"

- change the line
;security = user
to
security = share ## without ';' and change user to share

- then go to the end of file and add this
[share] ## name for sharing
path = /home/share ## whatever directory you want
available= yes
browseable= yes
public =yes
writable= yes
create mask = 0777
directory mask = 0777
force user = nobody
force group = nogroup


   This is for non-security sharing which is the fastest one. So, if you want others, go for it. However, in order to show how good the OS handle the data, this is the best way to find a distinction.

to the top


Step 3: Testing
   I choose to test with iozone, let's see what happens.

what I have so far is all based on 100Mbps:-

lacie -- LaCie Ethernet Disk mini 250GB, Linux Embedded - 2.4.25-lacie6, 266MHz CPU, 32MB RAM, 250GB 7200rpm 8MB cache
ubuntu -- Ubuntu 6.06 LTS server, my system above, No RAID because Ubuntu doesn't support my fake RAID
winxp64 -- Windows XP x64 Profession, RAID 0 (nVRAID - onboard)

for limited time, this is all I have tested. When I get more stuffs, we might see more details.
   
   As you know from the review, Lacie Ethernet disk mini is low-end product, so the performance is not that good. But comparing to how convenient & green--low power consumption--it is, it's still great.

   
   Ubuntu has so impressive result. Larger record size, the faster transfer rate you will get. By the way, the common record size that transfers through network is 64kB. So we might use 64kB result as a reference. About reading rate, you will see the effect of larger record size but not that much. I think it's quite good in 100Mbps environment.

   
   Windows XP x64 is a choice that doesn't come to my mind at first. I just want to find a reference for comparison with others. However, Windows XP 64bit performs so fantastic on writing test. You will see the missing data in some points; that mean that transfer rate is over 200kB. I have no idea why this happens. As soon as I found the answer. I let you know. About reaing rate, it's about the same as Ubuntu. Just OS of you choice. Free or not is all up to you :-)

   This is the first part of NAS testing, you will get more idea what is NAS. Next time, we will see how to tweak and get the best performance.

to the top


Step 4: Conclusion
   There is no question that Windows XP x64 is far superior than others, especially in writing test. It doesn't have large record size effect on reading test as well. I have tested several times to make sure if the rate is right; all I get is about the same. That make me wonder how write speed is that high, some are much over the 100Mbps limit. But it costs $140 more, so it's up to you what platform are on your way. For me, I won't select yet. I have to test on FreeBSD which supports this RAID and see what's going on.

   However, write and read rate of Ubuntu w/o RAID 0 are acceptable, especially read rate that's better than WinXP64 for unknown reason (at least for me). It should be enough for NAS for sure. As soon as you upgrade the system to gigabit ethernet, it will show its potential underneath :-P Have fun to work on your NAS. +Homemaded Network Attached Storage: the way you save your bucks but not your bill. Ask for a fast network attached storage, we do it ourselves. With the inspiration from the article "DIY NAS Smackdown" by smallnetbuilder.com and requirement to store much more things, DIY NAS comes to my mind. The first thing we have to know about NAS is what it is exactly. NAS is a computer which does only a purpose, sharing a storage. So, it could be very limited computer such as 300MHz CPU, 128MB RAM, hard drive, and NIC. That means you can reuse your old computer in a garrage as a file server for your home network. Because of this small requirement, recent NAS products like LaCie Ethernet mini, Buffalo Storage Station, etc, come in very small factor as same as Firewire, USB Storage. But instead of only a controller that transform internal interface into external interface, this is a whole computer set with embedded OS that is the point to differentiate the performance and usuability of each product. + + +an OS that requires to run on NAS can be not only embedded OS but full one as well. However, in order to cut down the product cost, no one braves enough to put Windows XP Professional Edition into its product. Like LaCie, they have two OSs for their products which are their tiny Linux distribution for low-end product and Windows embeded for high-end product that needs an agressive performance. This time, we will pay attention to how boost our DIY NAS with nice Linux distro, Ubuntu, and Windows XP to make a comparison. The thing that makes NAS differs in term of performance is packages that send over the network has headers which is different by each OS and protocol and how they handle data over network. + + +For you guys who don't familiar with Linux, you have to know **Samba**, the service to share a file over Windows network. You will have to set up only a few things to make it work. About the installation, Ubuntu team does make it very easy for everyone, I'm sure. + +**Step 1: Choosing the hardware** + +I will start with all parts building this NAS; my purpose is doing NAS, HTTP, MySQL, and FTP server. The best thing of being in the US is there are a lot of rebate throughout the year. Sometimes it's mail-in rebate which is not really good; sometimes it's an instant rebate. That's really awesome. Every parts I got is rebated-stuff. Here we go:- + + AMD Opteron 144 1MB L2 Cache 1.6@2.0GHz $69.99 + 256MB PC3200 RAM (from sidewalk garbage, so it's free) + M/B Foxconn WinFast 6150K8MA-8EKRS $69.99 + DVD-RW SATA Sony NEC $31.99 + 2*Seagate Barracuda 160GB SATA-2 8MB buffer ST160812AS-RK $39.99*2 + Ultra mATX case $59.99 + --------------------------------------------------------------- + Total: $69.99+59.99+31.99+79.98+59.99 = $328.07 + + +I think that's reasonable price: Gigabit Ethernet, nVidia GeForce 6150 onboard, Firewire, RAID 0, 1, 5 (which I cannot use because of only 2 harddrives I have & not any available place for another one) However, if you have your old computer, you might have to buy only any Ethernet NIC (no matter it's 10/100 or gigabit) and hard disk drive that is big enough. Then you will have to spend less than a hundred to get 400GB NAS. Sound good, right? + +**Step 2: Installing an OS and setting sharing folder** + +How we set up the Ubuntu server. The reason why I choose Ubuntu server edition is it's light and Ubuntu community claims that this version performs better in server hardware (ha ha maybe they tweak for Opteron, I hope). Other might prefer desktop version which included GUI, honestly so do I but it doesn't matter how beautiful it is when using as server. I went through this following step for installation:- +- go get Ubuntu Server Installation CD at http://ubuntu.com (now it should be Feisty Fawn - 7.04) *choose CPU architecture you have to get the best result* +- burn into disc +- boot with that CD, it will start menu and select install Ubuntu server. +- follow the instructions, you have to build a partition for it at least 2 partition: 1 ext3, 1 swap (about 2 time of RAM) (actually, there is an automatic option as well) +- after finished installation, then install samba server by login and type the following commands:- + + sudo apt-get install samba + sudo apt-get install smbfs + +This is all set for installing samba. Next, you have to config your share directory and decide what directory to share (mostly in /home/), you could create new directory by command below. + + mkdir /home/xxx + chmod 0777 /home/xxx + cd /etc/samba + sudo nano smb.conf + +change the line + + ;security = user + +to + + security = share ## without ';' + +and change user to share, then go to the end of file and add this + + [share] ## name for sharing + path = /home/share ## whatever directory you want + available= yes + browseable= yes + public =yes + writable= yes + create mask = 0777 + directory mask = 0777 + force user = nobody + force group = nogroup + + +This is for non-security sharing which is the fastest one. So, if you want others, go for it. However, in order to show how good the OS handle the data, this is the best way to find a distinction. + +**Step 3: Testing** + +I choose to test with iozone, let's see what happens. + +what I have so far is all based on 100Mbps:- + +lacie -- LaCie Ethernet Disk mini 250GB, Linux Embedded - 2.4.25-lacie6, 266MHz CPU, 32MB RAM, 250GB 7200rpm 8MB cache +ubuntu -- Ubuntu 6.06 LTS server, my system above, No RAID because Ubuntu doesn't support my fake RAID +winxp64 -- Windows XP x64 Profession, RAID 0 (nVRAID - onboard) + +for limited time, this is all I have tested. When I get more stuffs, we might see more details. +
   
   As you know from the review, Lacie Ethernet disk mini is low-end product, so the performance is not that good. But comparing to how convenient & green--low power consumption--it is, it's still great. + +
   
   **Ubuntu** has so impressive result. Larger record size, the faster transfer rate you will get. By the way, the common record size that transfers through network is 64kB. So we might use 64kB result as a reference. About reading rate, you will see the effect of larger record size but not that much. I think it's quite good in 100Mbps environment. + +
   
   Windows XP x64 is a choice that doesn't come to my mind at first. I just want to find a reference for comparison with others. However, Windows XP 64bit performs so fantastic on writing test. You will see the missing data in some points; that mean that transfer rate is over 200kB. I have no idea why this happens. As soon as I found the answer. I let you know. About reaing rate, it's about the same as Ubuntu. Just OS of you choice. Free or not is all up to you :-) + + +This is the first part of NAS testing, you will get more idea what is NAS. Next time, we will see how to tweak and get the best performance. + +**Step 4: Conclusion** + +There is no question that Windows XP x64 is far superior than others, especially in writing test. It doesn't have large record size effect on reading test as well. I have tested several times to make sure if the rate is right; all I get is about the same. That make me wonder how write speed is that high, some are much over the 100Mbps limit. But it costs $140 more, so it's up to you what platform are on your way. For me, I won't select yet. I have to test on FreeBSD which supports this RAID and see what's going on. + + +However, write and read rate of Ubuntu w/o RAID 0 are acceptable, especially read rate that's better than WinXP64 for unknown reason (at least for me). It should be enough for NAS for sure. As soon as you upgrade the system to gigabit ethernet, it will show its potential underneath :-P Have fun to work on your NAS. diff --git a/_posts/2007-12-01-tritton-tri-uv100-see2-usb-2-0-to-vga-adapter-review.md b/_posts/2007-12-01-tritton-tri-uv100-see2-usb-2-0-to-vga-adapter-review.md index af13e7f..d18d578 100644 --- a/_posts/2007-12-01-tritton-tri-uv100-see2-usb-2-0-to-vga-adapter-review.md +++ b/_posts/2007-12-01-tritton-tri-uv100-see2-usb-2-0-to-vga-adapter-review.md @@ -7,4 +7,16 @@ categories: - review - accessories --- - 
   I found only a few USB to VGA adapters that has been reviewed really. So when I get one for my aunt. It's the time to test and show how well it is.

   As you may know, the bandwidth of USB 2.0, theoretically, is 480 Mbps (480,000 kbps) and the for video bandwidth is depending on 3 things which are frames rate, height and width in pixel. For example:
frame/rate resolution motion (kbps)
width height low motion moderate motion high motion
1 1024 768 88 177 354
15     1327 2654 5309
30     2654 5309 10618
45     3982 7963 15927
15 1440 900 2187 4374 8749
30     4379 8749 17498
reference: http://sorenson-usa.com/vbe/index.html

   When you see the video bandwidth and USB 2.0 bandwidth, you might think USB is easily handle the video. However, theory is still theory; and it will never come close to the real world. You will see on the next.

How it works
 
   You will surprise how easy it is; I have only install the driver on the CD, restart once. Then I hook this adapter up to my tablet. Everything is all set! I test on Lenovo Thinkpad X61T running Vista Business. I don't think that the test computer configuration is needed here because it will not show any differences since the limit of speed of USB itself will be a real factor.
   Once the device is successfully installed, you are good to go. Just connect to the monitor or projector; it will show up like a charm. I can't believe how easy it is. It's like it's easier than using real VGA port since you have to set or switch the display monitor as well.
 
   On the taskbar, the Tritton icon will show you plenty of options. You can just tap what you want. That's easy. I have not much to say because it's just working as it should. I noticed that on the box, it said that it support up to 1024*768 16bit color only. Nonetheless, there is a sticker said, "Now support up to 1600*1200 Video Playback Wide Screen Resolution, Windows Vista". You will see if it works as they claimed or not.

   
   

Testing
   From the quote on the sticker, I surely have to download a new driver to make this show all potential is has.
Driver version 7.5.0.0601.1101
Screen Resolution
Thinkpad X61T1024*768
Niko 19" Widescreen LCD 1440*900

   As people said, pictures show thousands of word. In this case, video will show a lot more than I can say. First test is everyday use, so I will use the USB-VGA (Extened) 1440*900, 32bit mode in this test. What I will do is dragging firefox window to another the extended screen, maximize it, then change to another website. Let's see how good it is via YouTube.



   As you see, it has a little lag and some strange pixels while moving a window around but it doesn't mean it bad. It just cannot handle high motion thing, otherwise, it's pretty good. For the next test I will use the USB-VGA (Mirror) which will display only 1024*768, 32-bit. This is more intense by opening the video clip to see if it can bear this.



   Even though it does lag clearly, it's good enough for a short clip in presentation. IMO, this is a good alternative so far. However, as its advertise, it supports 1600*1200 video playback. See how it goes, with USB-VGA (Primary) 1440*900, 32-bit mode, video playback.



   That basically doesn't work at all; only a single frame didn't even show up. I have tried to reduce to 1440*900, 16-bit or lower resolution; but it just doesn't work. From what I can see, it's only supported as the spec on the box, 1024*768 with video playback. You can use with other jobs, except video playback, though.

Overall - Tritton TRI-UV100 - SEE2 USB 2.0 To VGA/SVGA Adapter

   This surprise me a lot how USB can be this versatile but I won't say this adapter's great, but it's very good alternative for whom you don't have VGA-output or VGA-output is malfunction. This is quite suitable for presentation rather than any other jobs because it could handle only slow motion picture. In addition, this adapter could use as a third monitor as well; it might come in handy in some ways. In short, if you are looking for easy to use external monitor adapter, don't look over this product :-P + 
   I found only a few USB to VGA adapters that has been reviewed really. So when I get one for my aunt. It's the time to test and show how well it is.

   As you may know, the bandwidth of USB 2.0, theoretically, is 480 Mbps (480,000 kbps) and the for video bandwidth is depending on 3 things which are frames rate, height and width in pixel. For example: + +
frame/rate resolution motion (kbps)
width height low motion moderate motion high motion
1 1024 768 88 177 354
15     1327 2654 5309
30     2654 5309 10618
45     3982 7963 15927
15 1440 900 2187 4374 8749
30     4379 8749 17498
+ +reference: http://sorenson-usa.com/vbe/index.html

   When you see the video bandwidth and USB 2.0 bandwidth, you might think USB is easily handle the video. However, theory is still theory; and it will never come close to the real world. You will see on the next.

How it works
 
   You will surprise how easy it is; I have only install the driver on the CD, restart once. Then I hook this adapter up to my tablet. Everything is all set! I test on Lenovo Thinkpad X61T running Vista Business. I don't think that the test computer configuration is needed here because it will not show any differences since the limit of speed of USB itself will be a real factor.
   Once the device is successfully installed, you are good to go. Just connect to the monitor or projector; it will show up like a charm. I can't believe how easy it is. It's like it's easier than using real VGA port since you have to set or switch the display monitor as well.
 
   On the taskbar, the Tritton icon will show you plenty of options. You can just tap what you want. That's easy. I have not much to say because it's just working as it should. I noticed that on the box, it said that it support up to 1024*768 16bit color only. Nonetheless, there is a sticker said, "Now support up to 1600*1200 Video Playback Wide Screen Resolution, Windows Vista". You will see if it works as they claimed or not.

   
   

Testing
   From the quote on the sticker, I surely have to download a new driver to make this show all potential is has. + +
Driver version 7.5.0.0601.1101
Screen Resolution
Thinkpad X61T1024*768
Niko 19" Widescreen LCD 1440*900

   As people said, pictures show thousands of word. In this case, video will show a lot more than I can say. First test is everyday use, so I will use the USB-VGA (Extened) 1440*900, 32bit mode in this test. What I will do is dragging firefox window to another the extended screen, maximize it, then change to another website. Let's see how good it is via YouTube.
+ +

   As you see, it has a little lag and some strange pixels while moving a window around but it doesn't mean it bad. It just cannot handle high motion thing, otherwise, it's pretty good. For the next test I will use the USB-VGA (Mirror) which will display only 1024*768, 32-bit. This is more intense by opening the video clip to see if it can bear this.
+ +

   Even though it does lag clearly, it's good enough for a short clip in presentation. IMO, this is a good alternative so far. However, as its advertise, it supports 1600*1200 video playback. See how it goes, with USB-VGA (Primary) 1440*900, 32-bit mode, video playback.
+ +

   That basically doesn't work at all; only a single frame didn't even show up. I have tried to reduce to 1440*900, 16-bit or lower resolution; but it just doesn't work. From what I can see, it's only supported as the spec on the box, 1024*768 with video playback. You can use with other jobs, except video playback, though.

Overall - Tritton TRI-UV100 - SEE2 USB 2.0 To VGA/SVGA Adapter

   This surprise me a lot how USB can be this versatile but I won't say this adapter's great, but it's very good alternative for whom you don't have VGA-output or VGA-output is malfunction. This is quite suitable for presentation rather than any other jobs because it could handle only slow motion picture. In addition, this adapter could use as a third monitor as well; it might come in handy in some ways. In short, if you are looking for easy to use external monitor adapter, don't look over this product :-P diff --git a/_posts/2008-01-04-eee-pc.md b/_posts/2008-01-04-eee-pc.md index ef8fa10..76c9362 100644 --- a/_posts/2008-01-04-eee-pc.md +++ b/_posts/2008-01-04-eee-pc.md @@ -6,5 +6,34 @@ categories: - notebook - review --- -เมื่อน้อง Eee PC อายุครบ 1 เดือน..
-

มาถึงวันนี้ น้อง Eee PC น้องเล็กที่น่ารักก็มีอายุครบ 1 เดือนแล้วนะคะ   น้อง Eee น้อยของเราก็สร้างความน่าประทับใจให้ไม่น้อย   แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีมุมไม่ประทับใจเอาซะเลย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติใช่ไหมคะ   คราวนี้เราจะมาพูดถึงน้อง Eee ในคราบของ Linux กันก่อนนะคะ   แล้วในเดือนที่ 2 ของชีวิตน้อง Eee เราจะเอาภาค Windows มาเล่าสู่กันฟังค่ะ


ในความประทับใจนั้น..


สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นหรือไม่เคยจับน้อง Eee ตัวจิ๋วมาเลยคงจะนึกไม่ถึงในความกะทัดรัดที่สามารถใส่ในกระเป๋าถือใบเก่งของสาวๆ ได้ ด้วยขนาดเพียง 8.9 x 6.5 นิ้ว   ยิ่งไปกว่านั้น น้อง Eee ยังเป็นชิ้นงานที่เรียบร้อยชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว   ด้วยความเล็ก เบา และเร็ว (เวลาบูทเครื่องใช้เวลาไม่ถึง 25 วินาที ด้วยซ้ำค่ะ) ของ น้อง Eee PC   ก็ทำให้ผู้คนจำนวนมากตกหลุมรักทันทีที่เห็น   เช่นเดียวกันเพื่อนคนหนึ่งของพวกเรา   ตัดสินใจที่จะขาย Laptop เครื่องเก่าเพื่อมาใช้น้อง Eee ทันทีในครั้งแรกที่ได้จับ   อาจจะฟังดูเหลือเชื่อนะคะ แต่มันเป็นไปแล้ว!!


 

ด้วยขนาดที่จิ๋วแต่แจ๋ว


ไม่อยากจะสารภาพเลยว่า เลือกน้อง Eee ก็เพราะขนาดนี่แหละ อะไรจะพอเหมาะพอเจาะขนาดนั้น!!   เชื่อว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ต้องการที่จะแบกของที่ใหญ่ๆ หนักๆ หรอก ใช่ไหมคะ?   เหมือนกันเลยค่ะ พอได้จับน้อง Eee ครั้งแรกก็รู้สึกว่า "เครื่องนี้แหละ ถูกใจใช่เลย" ขนาดจอ 7 นิ้ว ซึ่งเพียงพอสำหรับการดูหน้าเว็บ อ่าน eBook และทำได้ทุกอย่างที่คอมพิวเตอร์ทำได้ ที่สำคัญประหยัดพลังงานโลกด้วยนะคะ (ใช้ไฟน้อยน่ะค่ะ เพียง 60-70% ของ Laptop ทั่วไป)   อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดที่เล็กมาก ก็ทำให้ขนาดของ keyboard และ mousepad เล็กลงตามไปด้วย  ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาสำหรับบางคนนะคะ


   

โปรแกรมหลักๆ


ด้วยความที่เป็น Linux ซึ่งเป็น OS ที่คนส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคย อาจจะทำให้บางคนมองว่าเป็นปัญหา แต่ไม่เลยค่ะ   การใช้งาน LInux ไม่ยากอย่างที่คิด แถมยังแอบมีมุมน่ารักๆ ด้วยนะคะ   เพราะผู้ใช้สามารถมี screen background ได้ถึง 5 รูปด้วยกัน แต่เวลาเปลี่ยนออกจะลำบากสักหน่อยเพราะต้องเข้าไปแก้ไฟล์เองค่ะ   ในส่วนของ printer พวกเราไม่เคยมีปัญหาในการใช้น้อง Eee ในเรื่องนี้เลยนะคะ แต่ออกจะพูดยากสักหน่อยเพราะมีแต่ printer ของ HP ค่ะ ทำให้ไม่ทราบว่าน้อง Eee จะเข้ากันได้ไหมกับยี่ห้ออื่นๆ   VGA port ของน้อง Eee ก็เหลือเชื่อค่ะ แค่เสียบเข้ากับจออื่น น้อง Eee จะจัดการปรับแต่ง resolution ให้เอง โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ   และด้วยความที่มีหน่วยความจำเพียงเล็กน้อยติดตัวมาแต่เกิด (คือ มี 3 ขนาดนะคะ 2GB, 4GB, และ 8GB) น้อง Eee จึงมี SD slot ติดมาด้วย   ดังนั้น ผู้ใช้จึงสามารถเพิ่มความจำโดยใช้ SD ได้โดยไม่มีปัญหาเลยค่ะ


ในเรื่องของการใช้ internet น้อง Eee ก็ทำได้ดีไม่แพ้ใครหน้าไหนค่ะ ติดว่าจะช้านิดนึงตอนต่อเข้า router เท่านั้นค่ะ   ในส่วนของ web browser น้อง Eee ใช้ Firefox ค่ะ (เป็นโปรแกรมที่ใช้ในลักษณะเดียวกับ Internet Explorer ค่ะ) นอกจากนี้ ยังมี Pidgin และ Skype ในส่วนของ instant messenger ด้วยค่ะ


 

ปัญหา + ปวดหัว


มันก็ต้องมีบ้างใช่ไหมคะ...เจ้าปัญหาเนี่ยะ เพื่อให้ชีวิตมีสีสัน   น้อง Eee ของเราก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบซะทีเดียว ไม่ต่างจากเครื่องอื่นๆ หรอกค่ะ


1. Firefox ไม่สามารถแสดงหน้าเว็บบางเว็บได้เต็มที่   ไม่สามารถบอกได้เหมือนกันค่ะว่าเพราะอะไร แต่คาดว่าน่าจะเป็นเพราะ คนเขียนเว็บไม่ได้ทดลองหน้าเว็บกับ OS ชนิดนี้มากกว่า จึงไม่ทราบว่ามีปัญหา


2. เวลาใช้กล้องใน Skype ต้องเข้าไปเปิดเองใน terminal ค่ะ จริงๆ แล้ว น่าจะมีวิธีการที่ทำให้เปิดกล้องได้ง่ายกว่านี้   แต่ด้วยความที่ใหม่แกะกล่อง ก็คงต้องรอไปอีกสักระยะค่ะ


3. ในส่วนของ easy mode ออกจะเป็นการยากสักหน่อยในการปรับแต่ง icon ค่ะ เพราะ icon จะถูกจัดไว้หมดแล้วและจะไม่เปลี่ยนที่ ลบไม่ได้ แก้ไม่ได้ค่ะ


 

4. easy mode อีกแล้วค่ะ ปัญหาอยู่ที่ ' กับ " แล้วก็ "Alt" ด้านขวาค่ะ (สำหรับภาษาไทยก็ ง กับ . ค่ะ) หากต้องการตัวดังกล่าวจะต้องกด ตัวนั้นพร้อมกับ "Alt" ด้านขวาพร้อมกันค่ะ


5. ที่ keyboard มีตำแหน่งประหลาดอยู่ตัวหนึ่งค่ะ คือ ตัว ~ หรือ ตัวเปลี่ยนภาษาจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษนั่นเองค่ะ   ปุ่มนี้ไปอยู่ระหว่าง Esc กับ F1 ค่ะ


 

6. สำหรับ standby mode นั้น น้อง Eeeใช้พลังงานถึง 10% ต่อชม. ซึ่งดูจะไม่มีประโยชน์สักเท่าไหร่   ปิดเครื่องไปเลยน่าจะดีกว่าค่ะ


7. Add & remove โปรแกรมในน้อง Eee ไม่มีแบบพร้อมใช้เหมือนใน control panel ของ Windows แต่ก็สามารถใช้ Synaptic Manager ได้นะคะ แต่ต้องเข้าผ่าน terminal ค่ะ


น้อง Eee นี่แหละ ใช่เลย!!


จนถึงวันนี้ ก็ยังพูดได้เต็มปากว่าน้อง Eee ตัวน้อยคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป ด้วยความเล็กกะทัดรัดที่สามารถพกพาติดตัวไปได้ทุกที่ ไม่ต้องทรมานแบก laptop เครื่องใหญ่และหนักไปไหนมาไหนเมื่อต้องการใช้งาน   ความสามารถที่ไม่แพ้คอมพิวเตอร์ทั่วไปเลยแม้แต่น้อยในการใช้ internet, เช็คเมล, ทำงานเอกสาร, เล่นเกม, หรืออ่าน eBook   เมื่อได้เจอตัวจริง...แล้วจะติดใจค่ะ :) +เมื่อน้อง Eee PC อายุครบ 1 เดือน.. + + + +มาถึงวันนี้ น้อง Eee PC น้องเล็กที่น่ารักก็มีอายุครบ 1 เดือนแล้วนะคะ   น้อง Eee น้อยของเราก็สร้างความน่าประทับใจให้ไม่น้อย   แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีมุมไม่ประทับใจเอาซะเลย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติใช่ไหมคะ   คราวนี้เราจะมาพูดถึงน้อง Eee ในคราบของ Linux กันก่อนนะคะ   แล้วในเดือนที่ 2 ของชีวิตน้อง Eee เราจะเอาภาค Windows มาเล่าสู่กันฟังค่ะ + +ในความประทับใจนั้น.. + +สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นหรือไม่เคยจับน้อง Eee ตัวจิ๋วมาเลยคงจะนึกไม่ถึงในความกะทัดรัดที่สามารถใส่ในกระเป๋าถือใบเก่งของสาวๆ ได้ ด้วยขนาดเพียง 8.9 x 6.5 นิ้ว   ยิ่งไปกว่านั้น น้อง Eee ยังเป็นชิ้นงานที่เรียบร้อยชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว   ด้วยความเล็ก เบา และเร็ว (เวลาบูทเครื่องใช้เวลาไม่ถึง 25 วินาที ด้วยซ้ำค่ะ) ของ น้อง Eee PC   ก็ทำให้ผู้คนจำนวนมากตกหลุมรักทันทีที่เห็น   เช่นเดียวกันเพื่อนคนหนึ่งของพวกเรา   ตัดสินใจที่จะขาย Laptop เครื่องเก่าเพื่อมาใช้น้อง Eee ทันทีในครั้งแรกที่ได้จับ   อาจจะฟังดูเหลือเชื่อนะคะ แต่มันเป็นไปแล้ว!!

 
ด้วยขนาดที่จิ๋วแต่แจ๋ว + +ไม่อยากจะสารภาพเลยว่า เลือกน้อง Eee ก็เพราะขนาดนี่แหละ อะไรจะพอเหมาะพอเจาะขนาดนั้น!!   เชื่อว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ต้องการที่จะแบกของที่ใหญ่ๆ หนักๆ หรอก ใช่ไหมคะ?   เหมือนกันเลยค่ะ พอได้จับน้อง Eee ครั้งแรกก็รู้สึกว่า "เครื่องนี้แหละ ถูกใจใช่เลย" ขนาดจอ 7 นิ้ว ซึ่งเพียงพอสำหรับการดูหน้าเว็บ อ่าน eBook และทำได้ทุกอย่างที่คอมพิวเตอร์ทำได้ ที่สำคัญประหยัดพลังงานโลกด้วยนะคะ (ใช้ไฟน้อยน่ะค่ะ เพียง 60-70% ของ Laptop ทั่วไป)   อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดที่เล็กมาก ก็ทำให้ขนาดของ keyboard และ mousepad เล็กลงตามไปด้วย  ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาสำหรับบางคนนะคะ
   
โปรแกรมหลักๆ + +ด้วยความที่เป็น Linux ซึ่งเป็น OS ที่คนส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคย อาจจะทำให้บางคนมองว่าเป็นปัญหา แต่ไม่เลยค่ะ   การใช้งาน LInux ไม่ยากอย่างที่คิด แถมยังแอบมีมุมน่ารักๆ ด้วยนะคะ   เพราะผู้ใช้สามารถมี screen background ได้ถึง 5 รูปด้วยกัน แต่เวลาเปลี่ยนออกจะลำบากสักหน่อยเพราะต้องเข้าไปแก้ไฟล์เองค่ะ   ในส่วนของ printer พวกเราไม่เคยมีปัญหาในการใช้น้อง Eee ในเรื่องนี้เลยนะคะ แต่ออกจะพูดยากสักหน่อยเพราะมีแต่ printer ของ HP ค่ะ ทำให้ไม่ทราบว่าน้อง Eee จะเข้ากันได้ไหมกับยี่ห้ออื่นๆ   VGA port ของน้อง Eee ก็เหลือเชื่อค่ะ แค่เสียบเข้ากับจออื่น น้อง Eee จะจัดการปรับแต่ง resolution ให้เอง โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ   และด้วยความที่มีหน่วยความจำเพียงเล็กน้อยติดตัวมาแต่เกิด (คือ มี 3 ขนาดนะคะ 2GB, 4GB, และ 8GB) น้อง Eee จึงมี SD slot ติดมาด้วย   ดังนั้น ผู้ใช้จึงสามารถเพิ่มความจำโดยใช้ SD ได้โดยไม่มีปัญหาเลยค่ะ + +ในเรื่องของการใช้ internet น้อง Eee ก็ทำได้ดีไม่แพ้ใครหน้าไหนค่ะ ติดว่าจะช้านิดนึงตอนต่อเข้า router เท่านั้นค่ะ   ในส่วนของ web browser น้อง Eee ใช้ Firefox ค่ะ (เป็นโปรแกรมที่ใช้ในลักษณะเดียวกับ Internet Explorer ค่ะ) นอกจากนี้ ยังมี Pidgin และ Skype ในส่วนของ instant messenger ด้วยค่ะ
 
ปัญหา + ปวดหัว + +มันก็ต้องมีบ้างใช่ไหมคะ...เจ้าปัญหาเนี่ยะ เพื่อให้ชีวิตมีสีสัน   น้อง Eee ของเราก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบซะทีเดียว ไม่ต่างจากเครื่องอื่นๆ หรอกค่ะ + +1. Firefox ไม่สามารถแสดงหน้าเว็บบางเว็บได้เต็มที่   ไม่สามารถบอกได้เหมือนกันค่ะว่าเพราะอะไร แต่คาดว่าน่าจะเป็นเพราะ คนเขียนเว็บไม่ได้ทดลองหน้าเว็บกับ OS ชนิดนี้มากกว่า จึงไม่ทราบว่ามีปัญหา + +2. เวลาใช้กล้องใน Skype ต้องเข้าไปเปิดเองใน terminal ค่ะ จริงๆ แล้ว น่าจะมีวิธีการที่ทำให้เปิดกล้องได้ง่ายกว่านี้   แต่ด้วยความที่ใหม่แกะกล่อง ก็คงต้องรอไปอีกสักระยะค่ะ + +3. ในส่วนของ easy mode ออกจะเป็นการยากสักหน่อยในการปรับแต่ง icon ค่ะ เพราะ icon จะถูกจัดไว้หมดแล้วและจะไม่เปลี่ยนที่ ลบไม่ได้ แก้ไม่ได้ค่ะ
 
4. easy mode อีกแล้วค่ะ ปัญหาอยู่ที่ ' กับ " แล้วก็ "Alt" ด้านขวาค่ะ (สำหรับภาษาไทยก็ ง กับ . ค่ะ) หากต้องการตัวดังกล่าวจะต้องกด ตัวนั้นพร้อมกับ "Alt" ด้านขวาพร้อมกันค่ะ + +5. ที่ keyboard มีตำแหน่งประหลาดอยู่ตัวหนึ่งค่ะ คือ ตัว ~ หรือ ตัวเปลี่ยนภาษาจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษนั่นเองค่ะ   ปุ่มนี้ไปอยู่ระหว่าง Esc กับ F1 ค่ะ
 
6. สำหรับ standby mode นั้น น้อง Eeeใช้พลังงานถึง 10% ต่อชม. ซึ่งดูจะไม่มีประโยชน์สักเท่าไหร่   ปิดเครื่องไปเลยน่าจะดีกว่าค่ะ + +7. Add & remove โปรแกรมในน้อง Eee ไม่มีแบบพร้อมใช้เหมือนใน control panel ของ Windows แต่ก็สามารถใช้ Synaptic Manager ได้นะคะ แต่ต้องเข้าผ่าน terminal ค่ะ + +น้อง Eee นี่แหละ ใช่เลย!! + +จนถึงวันนี้ ก็ยังพูดได้เต็มปากว่าน้อง Eee ตัวน้อยคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป ด้วยความเล็กกะทัดรัดที่สามารถพกพาติดตัวไปได้ทุกที่ ไม่ต้องทรมานแบก laptop เครื่องใหญ่และหนักไปไหนมาไหนเมื่อต้องการใช้งาน   ความสามารถที่ไม่แพ้คอมพิวเตอร์ทั่วไปเลยแม้แต่น้อยในการใช้ internet, เช็คเมล, ทำงานเอกสาร, เล่นเกม, หรืออ่าน eBook   เมื่อได้เจอตัวจริง...แล้วจะติดใจค่ะ :) diff --git a/_posts/2008-02-02-second-month-passed-how-is-my-eee-pc-going.md b/_posts/2008-02-02-second-month-passed-how-is-my-eee-pc-going.md index 9f09bea..94c5a3b 100644 --- a/_posts/2008-02-02-second-month-passed-how-is-my-eee-pc-going.md +++ b/_posts/2008-02-02-second-month-passed-how-is-my-eee-pc-going.md @@ -6,4 +6,34 @@ categories: - notebook - review --- -

Since the first month, I wrote what I would want anyone to know how good Eee PC is in my viewpoint. It might not answer every questions or every doubts, but this article might be able to complete it. Briefly, this month I have installed another 2 OSes which are Windows XP (lite by nLite) and eeeXubuntu which is using Xfce as x-window. You will see whether they could outperform the original linux on Eee PC.


Before anything, what I have missed in the first month article is side-viewed comparison. I won't miss that again!


   
   

First take, similar to the original OS, I got into eeeXubuntu, which is based on Debian as same as Xandros, first. The installation is a breeze--less than 20 minutes to complete. I haven't found anything different significantly. I can tell that the interface of eeeXubuntu is much cleaner than Xandros but that's not the point really since if you really want to have cool interface, you could do that on any platform--just put some more effort :-D In addition, network manager is another area that has an improvement. While Xandros doesn't offer to automatically find and connect trusted wireless networks, eeeXubuntu manages this like a caveman can do. However, there is a huge drawback of using Xubuntu in Eee PC that is veeery slooow boot time. Thus, you may find better to stick with Xandros; you might have to put effort a bit to connect to wireless network, but that's not bad, isn't it?


Overall, I don't think there is any significant thing better than the stock distro--Xandros. If you want more, just add Advanced mode--KDE. You will be all set.


imageTake two, setting up Windows XP, I have a bit trouble getting it work properly. I went through the setup process, but after first boot I got an error message: NTLDR is missing. The fact is I hadn't remove all partitions in SSD (BIOS and something..) and the bad part is one of those partitions is set as active or like a boot flag. So Windows will not be able to start. If you face the situation like me, just wipe all partitions and install Windows again.


I forget to tell you that I minimize Windows XP by nLite but I won't get in depth of that; you may look at EeeUser wiki, it's all there already. After installing drivers and needed program (not MS Office), I used only 877MB. Impressive, isn't it? I also noticed that Windows XP installation on Eee is just a pain in the ass; it takes so long and I have no idea why, maybe due to the CPU speed itself--lower clock to 630MHz by default. But once you finished, it's like a breeze.


And then you have your Eee back. The feeling of very fast turning on is back; it takes a bit longer than Xandros but with 35s ready with network connection. I can't complain. Otherwise, everything is just like ordinary Windows machine. Maybe you could feel awkward using with limited screen area, esp. limited height--480px. You will find some windows have larger layout than that. By the way, there is a way which is Asus EeePC Utility which allows you to adjust the screen resolution to virtual 800*600 by single click. Then most of thing shouldn't be a big problem.


Surprisingly I haven't had things to say much this time since everything is just what we expected with Windows XP. We just have to put more effort to turn off swap file, move any document location to SD to prolong the SSD life.


Performance with Windows XP on Eee, actually I plan not to write this part since Eee doesn't build for performance, but with SSD, it does help open program faster. Thus you might want to know how good it performs. For example, I can open Firefox with about:blank as a start homepage within 5s and NYTimes.com as first home page (never open before) within 17s. They are <2s and 12s respectively on my Thinkpad X61T. You may get an idea.


One thing I have to show you is the BETA driver that is able to use higher screen resolution (800*600, 1024*768, or 1280*1024) on tiny 7" screen. Basically you have to install this driver to make it work. However, everything has a drawback. If you use this driver, you have to sacrifice standby mode because it will return as unusable screen. You have to restart to make it work again. The procedure to do so is here.


800px*480px 800px*600px 1024px*768px 1280px*1024px
Above is 800*480, 800*600, 1024*768, and 1280*1024 respectively. You could click on each to see larger images too.


You could see the advantage of this driver; If there is no problem with it, I guess it would be really improvement over LCD screen setting. Although it's not crisp or sharp like displaying as native resolution, sometimes more screen estate is much more productive. You may click to see the actual size image to see how it really looks--sorry for not very clear photo since I don't have a camera stand. Nonetheless, I choose to go back to stock driver since I don't want to bother with problem after standby mode. This tweak looks really promising though.


All in all, I could say that Eee is built for Xandros and surely Windows XP. It doesn't mean that you couldn't do anything else, but it's just performing better on what it is designed for. At this time, I will revert back to Xandros and have an XP in SDHC just for god's sake reason. This is because I just want to leave thing the way it was, get the best of it, and get fun with Linux.


ps. there will be 3th month modifying Eee PC! Stay tuned. +Since the first month, I wrote what I would want anyone to know how good Eee PC is in my viewpoint. It might not answer every questions or every doubts, but this article might be able to complete it. Briefly, this month I have installed another 2 OSes which are Windows XP (lite by nLite) and eeeXubuntu which is using Xfce as x-window. You will see whether they could outperform the original linux on Eee PC. + +Before anything, what I have missed in the first month article is side-viewed comparison. I won't miss that again! + +   

  + +First take, similar to the original OS, I got into eeeXubuntu, which is based on Debian as same as Xandros, first. The installation is a breeze--less than 20 minutes to complete. I haven't found anything different significantly. I can tell that the interface of eeeXubuntu is much cleaner than Xandros but that's not the point really since if you really want to have cool interface, you could do that on any platform--just put some more effort :-D In addition, network manager is another area that has an improvement. While Xandros doesn't offer to automatically find and connect trusted wireless networks, eeeXubuntu manages this like a caveman can do. However, there is a huge drawback of using Xubuntu in Eee PC that is veeery slooow boot time. Thus, you may find better to stick with Xandros; you might have to put effort a bit to connect to wireless network, but that's not bad, isn't it? + +Overall, I don't think there is any significant thing better than the stock distro--Xandros. If you want more, just add Advanced mode--KDE. You will be all set. + +image + +Take two, setting up Windows XP, I have a bit trouble getting it work properly. I went through the setup process, but after first boot I got an error message: NTLDR is missing. The fact is I hadn't remove all partitions in SSD (BIOS and something..) and the bad part is one of those partitions is set as active or like a boot flag. So Windows will not be able to start. If you face the situation like me, just wipe all partitions and install Windows again. + +I forget to tell you that I minimize Windows XP by nLite but I won't get in depth of that; you may look at EeeUser wiki, it's all there already. After installing drivers and needed program (not MS Office), I used only 877MB. Impressive, isn't it? I also noticed that Windows XP installation on Eee is just a pain in the ass; it takes so long and I have no idea why, maybe due to the CPU speed itself--lower clock to 630MHz by default. But once you finished, it's like a breeze. + +And then you have your Eee back. The feeling of very fast turning on is back; it takes a bit longer than Xandros but with 35s ready with network connection. I can't complain. Otherwise, everything is just like ordinary Windows machine. Maybe you could feel awkward using with limited screen area, esp. limited height--480px. You will find some windows have larger layout than that. By the way, there is a way which is Asus EeePC Utility which allows you to adjust the screen resolution to virtual 800*600 by single click. Then most of thing shouldn't be a big problem. + +Surprisingly I haven't had things to say much this time since everything is just what we expected with Windows XP. We just have to put more effort to turn off swap file, move any document location to SD to prolong the SSD life. + +Performance with Windows XP on Eee, actually I plan not to write this part since Eee doesn't build for performance, but with SSD, it does help open program faster. Thus you might want to know how good it performs. For example, I can open Firefox with about:blank as a start homepage within 5s and NYTimes.com as first home page (never open before) within 17s. They are <2s and 12s respectively on my Thinkpad X61T. You may get an idea. + +One thing I have to show you is the BETA driver that is able to use higher screen resolution (800x600, 1024x768, or 1280x1024) on tiny 7" screen. Basically you have to install this driver to make it work. However, everything has a drawback. If you use this driver, you have to sacrifice standby mode because it will return as unusable screen. You have to restart to make it work again. The procedure to do so is here. + +800px*480px 800px*600px 1024px*768px 1280px*1024px + +Above is 800x480, 800x600, 1024x768, and 1280x1024 respectively. You could click on each to see larger images too. + +You could see the advantage of this driver; If there is no problem with it, I guess it would be really improvement over LCD screen setting. Although it's not crisp or sharp like displaying as native resolution, sometimes more screen estate is much more productive. You may click to see the actual size image to see how it really looks--sorry for not very clear photo since I don't have a camera stand. Nonetheless, I choose to go back to stock driver since I don't want to bother with problem after standby mode. This tweak looks really promising though. + +All in all, I could say that Eee is built for Xandros and surely Windows XP. It doesn't mean that you couldn't do anything else, but it's just performing better on what it is designed for. At this time, I will revert back to Xandros and have an XP in SDHC just for god's sake reason. This is because I just want to leave thing the way it was, get the best of it, and get fun with Linux. diff --git a/_posts/2008-06-22-bigger-hard-drive-there-is-something-more-besides-size.md b/_posts/2008-06-22-bigger-hard-drive-there-is-something-more-besides-size.md index dc6bca4..70a00d0 100644 --- a/_posts/2008-06-22-bigger-hard-drive-there-is-something-more-besides-size.md +++ b/_posts/2008-06-22-bigger-hard-drive-there-is-something-more-besides-size.md @@ -6,6 +6,10 @@ categories: - review - computer --- -

Today, I got a quick review of a consumer hard drive which has one of the biggest platter, 320GB/platter, around. This could demonstrate pretty well what you will get extra if you choose bigger hard drive instead of smaller & more value one. In this case, you will see the comparison between my previous storage--a pair of Seagate Barracuda 7200.9 160GB SATA as RAID0--and Western Digital Caviar SE16 640GB.

- -

Specification:

Testing machine spec 

Harddisk comparison 

wd640gb-1 wd640gb-2 wd640gb-3

One and two disks in hard drive really do effect how big hard drive is--I wonder how big 1TB (4 disks) would be really.

Actually, I haven't had any clean installation for testing; however, I made sure that two hard drive had the same thing by copying an image from one to another. Fair enough, right? Before getting into benchmark results, as you see the comparison above, I have used 2*160GB as RAID 0 for quite a while. What I expect to get better by replacing with 640GB is less power--that's from 2*12W to only 8W and another thing I hope it's going to be better is CPU utilization. Why? because software RAID 0 I have used needs CPU to process also. Let's see how much we have to waste CPU work on software RAID in shortly.

Right before benchmark, we haven't yet talked why bigger platter in hard drive helps. Imagine that you are on the center of the people circle, one has 16 people around. Another one has 32 people around. When you turn around 360 degree, you will see 16 and 32 people consecutively. No matter how fast you do, you still see the same. Yes, that's the same as hard drive head from both drives. When they read around a disk at the same speed, one with higher capacity per disk always reads more--which means better transfer rate theoretically.

Benchmark:

Start at how fast they help Vista boot up. I decided to start from hitting enter from GRUB menu since RAID required a bit more time on POST. This way will eliminate the factor from different controller that might effect the result.

image

Although RAID 0 is considerably fast, larger platter (more density to disk) could do better in this case. Now it's going to be HDTune time; we might get some more info of the reason underneath.

HDTune_Benchmark_NVIDIA__STRIPE___298.10G-2 

HDTune_Benchmark_WDC_WD6400AAKS-65A7B-3 

As you see above, WD 640GB performs really impressive.It's almost the same transfer rate as RAID 0 320GB. What is getting even better is access time which you can see a result in boot time test. In addition, CPU usage decreases 50% from what it has to do on software RAID. Anyway, software RAID 0 still has pretty strong performance as expected--only little transfer rate drop in the end of the test.

HDTune_Info_NVIDIA__STRIPE___298.10G-2 HDTune_Info_WDC_WD6400AAKS-65A7B

Conclusion:

If you are looking for a new storage device or finding a replacement from the old one, one big drive may not outperforms dual drives, but for one on one round, it definitely outclasses without doubt and something else around also could be another important factors to consider. Especially, if you do media center box or NAS, this helps you a lot.As it always it, problem is a choice.

+

Today, I got a quick review of a consumer hard drive which has one of the biggest platter, 320GB/platter, around. This could demonstrate pretty well what you will get extra if you choose bigger hard drive instead of smaller & more value one. In this case, you will see the comparison between my previous storage--a pair of Seagate Barracuda 7200.9 160GB SATA as RAID0--and Western Digital Caviar SE16 640GB.

+ +

Specification:

Testing machine spec 

Harddisk comparison 

wd640gb-1 wd640gb-2 wd640gb-3

One and two disks in hard drive really do effect how big hard drive is--I wonder how big 1TB (4 disks) would be really.

Actually, I haven't had any clean installation for testing; however, I made sure that two hard drive had the same thing by copying an image from one to another. Fair enough, right? Before getting into benchmark results, as you see the comparison above, I have used 2*160GB as RAID 0 for quite a while. What I expect to get better by replacing with 640GB is less power--that's from 2*12W to only 8W and another thing I hope it's going to be better is CPU utilization. Why? because software RAID 0 I have used needs CPU to process also. Let's see how much we have to waste CPU work on software RAID in shortly.

Right before benchmark, we haven't yet talked why bigger platter in hard drive helps. Imagine that you are on the center of the people circle, one has 16 people around. Another one has 32 people around. When you turn around 360 degree, you will see 16 and 32 people consecutively. No matter how fast you do, you still see the same. Yes, that's the same as hard drive head from both drives. When they read around a disk at the same speed, one with higher capacity per disk always reads more--which means better transfer rate theoretically.

Benchmark:

Start at how fast they help Vista boot up. I decided to start from hitting enter from GRUB menu since RAID required a bit more time on POST. This way will eliminate the factor from different controller that might effect the result.

image

Although RAID 0 is considerably fast, larger platter (more density to disk) could do better in this case. Now it's going to be HDTune time; we might get some more info of the reason underneath.

HDTune_Benchmark_NVIDIA__STRIPE___298.10G-2 

HDTune_Benchmark_WDC_WD6400AAKS-65A7B-3 

As you see above, WD 640GB performs really impressive.It's almost the same transfer rate as RAID 0 320GB. What is getting even better is access time which you can see a result in boot time test. In addition, CPU usage decreases 50% from what it has to do on software RAID. Anyway, software RAID 0 still has pretty strong performance as expected--only little transfer rate drop in the end of the test.

HDTune_Info_NVIDIA__STRIPE___298.10G-2 HDTune_Info_WDC_WD6400AAKS-65A7B

+ +**Conclusion:** + +If you are looking for a new storage device or finding a replacement from the old one, one big drive may not outperforms dual drives, but for one on one round, it definitely outclasses without doubt and something else around also could be another important factors to consider. Especially, if you do media center box or NAS, this helps you a lot. As always, the problem is choices. diff --git a/_posts/2008-08-26-thinkpad-x61t-build-and-design.md b/_posts/2008-08-26-thinkpad-x61t-build-and-design.md index cca9245..bcf23b9 100644 --- a/_posts/2008-08-26-thinkpad-x61t-build-and-design.md +++ b/_posts/2008-08-26-thinkpad-x61t-build-and-design.md @@ -1,11 +1,11 @@ ---- -layout: post -title: Thinkpad X61T -- build & design -created: 1219726583 -categories: -- tablet pc -- review ---- +--- +layout: post +title: Thinkpad X61T -- build & design +created: 1219726583 +categories: +- tablet pc +- review +---

When you take a look at Thinkpad series, they all are similar. That's really the point of this design--simply the best. There is no fancy stuff or wow factor for folks around, but if you give it a shot, you will know this plain design has fulfilled with magnesium alloy and pretty study plastic, give this system a strength. You will find no flex anywhere in this machine, even on the screen.

Thinkpad X61 Tablet Thinkpad X61 Tablet

Well, to whom you are new to Tablet PC; you may like to know what is really a distinct between notebook and Tablet PC. It's mostly the screen that matters. For Tablet PC, you will have an active digitizer, mostly from Wacom, and swivel screen so that you could put your machine into tablet mode.

Actually there are 3 types of Tablet PC available: -

  1. Slate Tablet PC -- this doesn't have keyboard attached.
  2. Convertible Tablet PC -- this is what Thinkpad X61 Tablet is; like notebook, but can change to tablet mode.
  3. Hybrid Tablet PC -- there is only a few on the market, e.g. HP TC1100. The thing is you could detach the screen from the keyboard completely to use the same way as slate one. Plus, you can attach a keyboard whenever you want touch-type, faster way to input your information.

Now, you may get the idea and you probably are the same as me which I don't think Slate Tablet PC could fulfil my needs. As a result, I got the convertible one as you see.

Well, the main thing which concerns me a lot before buying tablet PC is the hinge. Instead of 2 hinges at least to support the screen, tablet PC has only 1 and it provides swivel screen capability also. When I first got Thinkpad X61T, I did feel it was a bit fragile since the screen could be tilted a bit on both left & right side. However, from almost-full-year heavy usage, I haven't seen any sign of wear. Which is a good news here. Therefore, it's just the matter of design that couldn't do more sturdy in term of feeling.

Views

X61t X61t X61t - screen X61t - tablet mode X61t - Tablet mode w/ CD case X61t in-hand

Yes, as the photos shown above. You can write while in notebook mode, but it's just not that comfortable since the screen is not solid at that point; you'd better put it in tablet mode or just have some help from CD case--to have a comfortable angle to write.

IMG_0178 IMG_0179

It's really simple black-box design. There is nothing changed much from the predecessors.

 x61t - outside LED status x61t - LED status

This is the basic Thinkpad feature. You will be able to know whether your machine is sleep or not with only a glance. Even though the lid is closed or opened, "no problem!"

Tablet PC features

x61t - hinge x61t - back hinge

Swivel screen is rock solid; seems like it will last forever. Though it can be rotated only one way, clockwise, not both way like some systems. Thus, Lenovo doesn't forget to remind you the direction you need to turn screen around. They probably are aware of broken hinge =) if you turn it in opposite way forcibly. I found this is annoying me a bit because sometimes I just want to turn the screen to the person next to the right of me too. I just can't!

x61t - tablet buttons x61t - navigation button

Since in tablet mode you will not able to use anything on keyboard side, fingerprint sensor needs to be on screen side. Also, buttons on screen side are intentionally designed for using in tablet mode. Power button with lock power button switch which is to prevent accidentally power button press are the first in line. Ctrt+Alt+Del--tiny button, rotate screen, Tablet shortcut menu and Esc button are next in line. I was surprise to find all these buttons need very hard press to register, unlike the keyboard & mouse. IMO, it's good to prevent accidentally press but it's too much because a button height are on the same level as chassis already and the most important one has the lock already. I see no reason why they have to make any extra protection like this. For the navigation button on the right is great! very soft and firm when using it, but I rarely use it since I mostly use pen to control in tablet mode. Unsurprisingly, the only button I really use is rotate screen one =)

Screen

The construct of this is very robust. No matter how hard you press the border or the screen itself, you will not find any of ring occurred like when you press regular LCD. If you leave the fact that this screen is not super bright, this is the splendid screen you can get. Fantastic screen angle, uniform brightness throughout the screen in contrast to Thinkpad X61/X61s screen which is not so great.

 screen-side-view screen-tilt-back-front

X61t - screenThere is almost no invert or wash out color. It's almost 180 degree viewing angle on both left-right and up-down side.

On the left side, it shows how good back light on this screen is--there is almost no visible leakage. Nonetheless, some will find this matte screen is too dim to their favor. grainy screenBut to me, I prefer matte screen to glossy one any day since I can't stand the reflect on glossy screen, especially when you are using in tablet mode in a room with a lot of light. It's hurting my eyes!

For graininess, most people told that all multi-touch screens are grainy. Honestly, I have no clue since from what I see it's in normal condition. It doesn't have any graininess like the right picture shown--that's what I can tell so far.

I probably have to have very grainy screen and not-grainy one sit side-by-side first. Then I could tell much more detail on that. I will do comparison when I get HP tx2500z in hand though.

Input devices

keyboard layout For the keyboard, there is no question about how well Thinkpad keyboard is: well constructed, nice size and space between button Although the keyboard is firm--no flex by any mean, I don't really think this Thinkpad keyboard layout is great. Instead putting all home, end, PgUp, and PgDw as the function of arrow keys could be better. By the fact that, when you want to use PgUp/PgDw, you are likely to use arrow keys as well. IMO, they are just too far away from each other. Well, I prefer this layout than putting all 4 buttons as new column on the right like many manufacturers like to do.

Also, Thinkpad always has something people afraid of--TrackPoint. It just the matter of preference whether like touchpad or trackpoint. For me, I hate Touchpad & love TrackPoint. 

X61t keyboard trackPoint

There is very little click sound when touch on this keyboard & mouse button and you also feel very very soft & responsive on every buttons. You will find very hard to find the keyboard to match this.

Array of ports

X61 Tablet provides enough ports for everyday use. Something extra like eSATA would be nice to have, but as you know, Thinkpad doesn't have any fancy anyway. :'(

X61t - right

Right: 4-pin IEEE1394, 2*USB port, Headphone and Microphone jack, modem RJ11, power jack, and Kensington lock

X61t - left

Left: air-vent, USB, VGA port, Ethernet port, SD & PCMCIA slot, and pen silo.

X61t - front

Front: Wireless switch and the screen latch switch.

X61t - back

Back: the battery!

As you see, they all are on the side. Frankly, I don't like this much since I prefer to have Ethernet port on the back or at least tend to the back rather than tend to the front like this. It's a mess when connect all of them. Lenovo might think that they offer UltraBase, but they should think that not all of customers purchase that!

@@ -19,4 +19,4 @@ categories:

X61T - speakerThis area probably is the less significant things on any notebook/tablet PC especially on small machine (<13" screen.) The mono speaker you see on the right places on the bottom of the machine around center of palm rest. On the maximum volume, you will be able to hear clearly if and only if you are in quiet environment. With AC on (or fan on), you will barely hear a sound--only mosquito noise you will hear. Although that's fortunate, it is not up to my expectations. If it's only a bit louder, I won't complain.

The built-in microphone is on the screen side. Its sensitivity is great, on the other end will be able to hear anything you said normally, but sometimes you will get an strange noise [like when microphone is close to speaker] when making a VoIP call. It's annoying sometimes, but acceptable. Odd things I found is microphone jack is not working as it should. In other words, when I plugged my microphone firmly, it didn't work. I had to loose it a little, then it would work. I still have no clue either this is the defective or the strange jack itself. I tried with several microphones which work flawlessly on another machine; the results were the same. However, I don't have time to send to repair center anytime soon. Probably right before warranty is about the expire, that will be the time.

-

For spec & performance, please

+For spec & performance, please [go on](/review/thinkpad-x61t/2)