71 KiB
layout | title | created | categories |
---|---|---|---|
post | Tungsten|C | 1122758902 | [palm review] |
Palm Tungsten|C -- อดีต Flagship ที่ถูกลืม 30 July 2005 แล้วเสร็จจริงๆ ก็ 05 Aug 2005
ด้วยความไม่ตั้งใจครับ ฮ่าๆ ก็ได้ T|C มาครับ ด้วยความที่ spec มันละม้ายคล้ายกับ T|T3 ที่คุ้นเคยสำหรับคนใช้ Palm ครับ ทั้งๆที่ T|T3 ใหม่กว่าพอสมควร แต่ผมเชื่อว่าน้อยคนนักที่จะเห็น T|C ตัวเป็นๆครับ เพราะก็มีน้อยรายครับที่ขายและซื้อรุ่นนี้ ก็คงเพราะหน้าตาของมันหล่ะครับ ค่อยข้างหนาและมี qwerty keyboard หรือ thumbpad นี่เองครับ แต่จริงๆแล้ว ผมว่าเจ้า thumbpad นี่มันช่วยทำให้เร็วขึ้นมากนะครับ ถ้าใช้บ่อยๆ จะกลายเป็นเร็วว่าเขียน graffiti ด้วยซ้ำครับ แต่ก็อย่างว่าครับ เราเป็นคนไทยเลยมีภาษาไทยด้วย ทำให้เจ้า thumbpad ตัวนี้ แทบจะเป็นตัวเกะกะไปทีเดียวหล่ะครับ ต่างกับ Treo650 ครับ ที่ออกมาแล้วมี Virtual Keyboard เพื่อให้ช่วยกดภาษาไทยได้สะดวกขึ้นหน่ะครับ (กลายเป็นว่าจุดเด่นไป -_-' แหะๆ ขอบ่นหน่อยครับ แล้วทำไมไม่รู้จักทำกับรุ่นก่อนๆน๊า~)
นั่นแหละครับ บ่นไปก่อน ฮ่าๆ ประเด็นจริงๆก็คือ T|C นี่เมื่อได้จับก็จะรู้ครับว่ามันพิเศษมากครับ แล้วเราจะมาดูกันทีละจุดครับ Flagship ของ Palm ซะอย่างมันต้องมีดีแน่-แน่ครับ เห็นกันชัดๆก็คือ wi-fi และ qwerty keyboard นี่แหละครับ ^_^
Spec
มาดูกันที่ spec ของเจ้า flagship สมัยปี 2003 กันครับ ไม่ผิดนะครับ Apr 2003 ครับ 2 ปีมาแล้วหน่ะครับ ออกมาก่อนเจ้า T|T3 ประมาณครึ่งปีหล่ะครับ แต่ spec เจ้า T|C นี่ไม่ได้ถือว่าโบราณแต่อย่างใดแม้กระทั่งทุกวันนี้ครับ นี่ก็เดือน July 2005 แล้วนะครับ แต่ผมเชื่อว่า T|C นี่น่าจะเป็น Palm ที่เร็วที่สุดในปัจจุบันเลยหล่ะครับ
ดู spec ได้จากหน้า compare นะครับ (ฮ่าๆ ทำมาแล้วก็ใช้ให้มันเป็นประโยชน์หน่อยครับ จะได้ไม่ต้องแปะๆซ้ำๆอยู่ครับ)หรือถ้าดูไม่สะดวก, ต้องการเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นด้วยก็ดูได้ตาม link นี้ครับ จะเทียบกันจริงๆก็ต้องเทียบกับ T|T3 หล่ะครับ คือทั้ง 2 ตัวนี้จะมีความแตกต่างกันแค่หน้าจอ Hi-res+ กับ keyboard และ bluetooth กับ wifi ครับ.. ก็คงต้องเลือกหล่ะครับ ว่าใครจะต้องการอะไรหล่ะครับ แต่คราวนี้เราไม่สน T|T3 ครับ ฮ่าๆ อ้อ.. ที่บอกว่ามันอัดเสียงไม่ได้ใน spec นั้นจริงๆ ก็สามารถอัดได้นะครับ แต่ต้องเสียบ headset นะครับแบบมี mic ด้วยก็จะสามารถอัดเสียงได้ครับ ถือว่าไม่สะดวกนักแต่ก็ ok ครับ อ้อ stereo jack เป็นขนาด 2.5mm นะครับดูจะลำบากไปนิดแต่ก็ใช้ของพวก nokia ได้เลยครับ อีกอย่างที่แปลกครับสำหรับ spec ของ palm ในช่วงนั้นคือ palm เค้าบอกถึงความจุบอก battery มาด้วยครับ 1,500 mAh เลยหล่ะครับ (ปกติจะบอกเป็นจำนวนวันหน่ะครับ ซึ่งฮ่าๆ ก็ไม่ค่อยจะตามจริงเท่าไหร่ก็พอมันมีเงื่อนไขต่างกับการใช้งานจริงไปหน่อยหน่ะครับ) ด้วยความจุที่มากทีเดียวหล่ะครับ ค่อยมาดูกันครับ ว่ามันจะแค่ไหนกันในส่วนต่อๆไปครับ
Design & Material
การออกแบบของ T|C นั้นมาดูเป็นจุดๆครับ มาดู First sight ครับ ด้านหน้า ด้านหลังและด้านข้าง เพื่อดูกันก่อนเพื่อประมาณถึงขนาดของมันกันครับ
แต่พอแกะดูแล้ว 55 ยังกะพลาสติกของเด็กเล่นที่แกะๆจากแบบหน่ะครับ แล้วมาประกอบหุ่นยนต์ หรือพวก tamiya สมัยเด็กๆเลยครับ แหะๆ ผมว่ามันดูไม่ค่อยน่าประทับใจเลยครับ แต่ที่ทำอย่างนี้ผมว่าคงเพราะเรื่องของน้ำหนักหล่ะครับ จะให้ตัวใหญ่แล้วยังหนักอยู่ก็คงไม่ไหวมั้งครับ (แต่ขอบ่นหน่อยครับ แกะยากเป็นบ้าเลยครับ มันต้องใช้แรงดึงเอา แหะๆ กลัวมันจะหักเอาหน่ะครับ แต่ถ้าคิดในมุมมองที่ไม่ได้จะแกะ ผมว่ามันทำให้ค่อนข้างชัวร์ว่าไม่มีหลุดกันง่ายๆ แม้น๊อตจะหลุดครบทั้ง 4 ตัวหล่ะครับ ปลอดภัย ฮ่าๆ คิดแง่ดีสุดๆนะเนี่ย~)
ส่วนบนล่างก็จะมี Infrared, SD Slot, headphone jack ตามลำดับครับ เสียนิดนึงที่ jack เป็นขนาด 2.5mm หน่ะครับ ผมว่ามันไม่ค่อยมาตรฐานเลยแฮะ หาหูฟังยากไปหน่อยหน่ะครับ ฮ่าๆ (เอ..หรือมาตรฐานตัวเองน๊า) ส่วนข้างล่างก็แสดงให้เห็นว่าเป็น Universal Connector ที่รู้จักกันดีนี่เอง~
ดูกันในส่วน Keyboard ต่อครับ
น่าจะเรียกได้ว่าเป็นยุคที่ 2 ของการออกแบบ keyboard นะครับ ดูแล้วน่าจะเป็นการพัฒนาจาก Treo 270-300 (เอ จริงๆน่าจะเรียกว่า ก๊อปมามากกว่ามั้งครับ เพราะหน้าตาคล้ายกันมากๆ เพียงแค่ T|C จะดูแข็งๆกว่าหน่ะครับ นอกนั้นตำแหน่งแทบจะเหมือนกันเลยหน่ะครับ) ลักษณะดูไม่ค่อยจะมีอะไรน่าดึงดูดซักเท่าไหร่ครับ มาลองดูตำแหน่างชัดๆกันดีก่าครับ
จะสังเกตได้ว่าการวางตัวของเจ้า keyboard นี้ ตัวปุ่มจะเรียบเท่ากันทุกปุ่มนะครับ แต่จะมีระยะห่างระหว่างปุ่มมากกว่าพวก treo อยู่นิดหน่อยหน่ะครับ ถ้าวางใกล้กว่านี้มีหวังกดทีได้มา 2-3 ตัวพร้อมกันหล่ะครับ ส่วน keyboard จะอยู่ในระดับเดียวกันทั้งแถวนะครับ จะมีปุ่มภาษาอังกฤษครบครับ ส่วนเลขก็ต้องกดปุ่มสีฟ้าเอาก่อนครับ และเลขจะเรียงกันเป็นแถวต่างกับพวก treo ซึ่งผมว่าแบบนี้ดูแล้วใช้งานลำบากกว่าพอสมควรครับ ส่วน 5-way navigator กับ 4 ปุ่มมาตรฐานนั้นจะอยู่ด้านล่าง จะสังเกตได้ในรูปสุดท้ายว่าเป็น slope พอสมควรเลยครับ ปุ่มเกือบทุกปุ่มตอบสนองการกดได้เป็นอย่างดีครับ กดง่ายครับ ที่ไม่ง่ายก็เพียงแค่ว่ามือใหญ่ไปหน่อยหล่ะครับ ต้องทำท่าจิ้ม (ด้วยนิ้วอื่นก็คงไม่แปลกครับ แต่นี่นิ้วโป้ง... ฮ๋าๆ) ซึ่งในการใช้งานแล้วไว้ค่อยว่ากันอีกทีครับ
ความหนา
เปรียบเทียบความหนา ฮ่าๆ ขอใช้รูปเดิมจาก T|E ดีกว่า..ฮ่าๆ
ตามที่เห็นครับ อ้วนกลมที่สุดหล่ะครับ เลยไม่มีอะไรต้องบรรยายกันมากครับ รูปบ่งบอกได้ชัดเจนอยู่แล้วครับ
Stylus
stylus ของเจ้า T|C ก็ยังแบบดั้งเดิมครับ แบบต้องหมุนที่หัวครับ เพื่อมาจิ้ม reset ไม่ต่างกับของ T|E หล่ะครับ (ฮ่าๆ copy รูปมาอีกและ อิอิ) ซึ่งเป็นแบบที่ผมไม่ชอบเอาซะเลยครับ แต่เอาเข้าจริงๆมันมีข้อดีกว่าแบบพวก Tungsten|T อยู่อย่างครับ คือหัวพลาสติกมันจะเรียบ เนียนตลอดครับ เพราะว่าไม่มีโอกาสไปใช้ทำอะไรหน่ะครับ การจิ้ม reset ด้วยหัวปากกานั้นมีโอกาสทำให้ปลาย stylus นั้นเป็นรอย ไม่สม่ำเสมอ (ก็เพราะไปเกี่ยวกับ body ตอนจิ้มบ้างหล่ะ เสียดสีบ้างหล่ะ) จนอาจจะทำให้จอเป็นรอยได้ครับ
ข้อดิ
คือก็จะดูเหมือนประกอบได้ดีนะครับ แต่เมื่อมองดีๆจะมีจุดนึงครับ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างงี้มาตั้งแต่แรกรึป่าวนะครับ เรียกได้ว่าน่าจะเป็นข้อเสียของ body พลาสติกเลยก็ว่าได้ครับ เพราะว่ามันจะมีการโก่งตัวนิดนึงหน่ะครับ แล้วก็จัดให้กลับเหมือนเดิมไม่ได้ซะด้วย แต่จริงๆก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการใช้งานครับ เพราะถ้าไม่สังเกตก็ไม่น่าจะเห็นเลยหล่ะครับ
built-in Software
มาไล่กันที่โปรแกรมใน ROM ก่อนเลยครับ ดูซิมันมีอะไร
- • ชุด PIM เก่าครับ อันประกอบด้วย Datebook, Address, To do List, Memo Pad และ Notepad ครับ
• Calc
• Card info
• Document to go v.5.003 (567)
• Expense ก็ยังมีอยู่ครับ
• Hotsync
• Keyboard
• Photos
• Prefs
• VersaMail v.2.5.1
• VPN setup
• Wi-Fi setup
• Web
• World Clock
ที่เราจะมาให้ความสนใจก็คงเป็นตัวที่แตกต่างจากเดิมหน่ะครับมาดูกันที่ Keyboard ก่อนครับ ตัวนี้จะเป็นตัวแนะนำการใช้งาน keyboard ตั้งแต่เริ่มพิมจนพวก shortcut วิธีใช้ที่น่ารู้ (แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจ) หน่ะครับ แนะนำให้อ่านให้หมดครับ ไม่มากหรอกครับ ถ้าเป็นรุ่นอื่นก็ graffiti 2 ไงครับ ถ้าเปิดกันรึป่าวดีกว่า?? ฮ่าๆ ที่น่าสนใจอย่างนึงก็คือ มีการ remap keys ด้วยครับ
จากที่มี keyboard ไม่ค่อยจะครบแล้ว แถมยังให้ตัวที่เราไม่ใช้อีก เราก็เปลี่ยนมันได้ครับ เพิ่มความสะดวกในการใช้งานพอสมควรทีเดียวครับ ซึ่จะเปลี่ยนได้ใน Prefs | keyboard ครับ
สำหรับ VPN setup และ Wi-Fi setup นั้นก็เป็นการตั้งค่า User+password ไว้ใช้และเอาไว้หา hotspot และตั้งค่าเบื้องต้นหน่ะครับ ซึ่งผมว่ามันก็ไม่มีอะไรหน่ะครับ การใช้งาน Wi-Fi นั้นไม่ซับซ้อนอยู่แล้วแถมยังมาในรูปแบบ wizard ซึ่งก็เป็น step-by-step อยู่แล้วก็คงไม่พูดอะไรมากครับ ส่วนการใช้งานจริงก็ยังมี command bar ให้เรียก wifi preference ด้วยครับ ไว้ค่อยไปดูในหัวข้อการใช้งานจริงเลยครับ
ที่เราจะมาดูกันน่าจะเป็นตรงนี้ครับ Web ... browser ที่ติดสอยห้อยตามมากับ T|C ที่มี Wi-Fi มันคงต้องเป็น browser ที่น่าจะมีอะไรครับ หรือว่ามันควรจะเปลี่ยนเป็นอะไร ผมเอา WebPro 3.5 และ Xiino 3.4.1E เป็นคู่มวยนะครับ เพราะผมคุ้นเจ้าสองตัวนี้พอสมควร และคิดว่ามันน่าจะเหมาะที่สุดสำหรับเครื่องอื่นหล่ะครับ แต่นี่ T|C ครับ ฮ่าๆ มาดูกันว่าใครเหมาะกว่าใคร
- • Web - browser ตัวนี้มีชื่อเต็มๆว่า Web Browser v.2.0.1.1 ครับ...แตถ้ามาดูกันชัดๆครับ เข้า fileZ จะพบว่าเจ้า browser ตัวนี้มันมี creator "NF3P" ... นั่นมันคือ NetFront นั่นเองครับ... ฮ่าๆ Netfront บน Palm ของ Palm inc. แปลกดีมากครับ น่าสนใจทีเดียวครับ ฮ่าๆ เอาเป็นว่า ขอเอา Netfront 3.1 มาร่วมแจมในการทดสอบ browser ครั้งนี้ด้วยครับ ^_^ ฮ่าๆ
• Web Pro - ชื่อเต็มๆก็ PalmOne Web Pro v.3.5 ครับ เอามาจาก ROM ของ Zire72 ครับ ตัวนี้ประสิทธิภาพคงไม่เป็นรองใครครับ ตั้ง proxy, cache, รองรับ cookie และ javascript (ในกรณีที่ปิด proxy ครับ) แถมยังสามารถเปิด native html file ได้ซะด้วย gif animation ก็เปิดได้แถมขยับได้ อืม ผมว่าดูจะเป็น browser ที่น่าจะเก่งที่สุดของ palm หน่ะครับ แต่เก่งที่สุดก็ไม่ต้องเหมาะที่สุดนี่นา ฮ่าๆ แนะนำตัวกันนานพอดูครับ ไว้ค่อยไปดูตอนใช้งานดีกว่าครับ
• Xiino v.3.4.1E - ตัวนี้ดูจะเก่งน้อยที่สุดครับ แต่ก็ใช้งาน cookie, script (ถึงแม้จะ hang บ้าง), proxy, save web page ไว้ก็ได้ครับ แต่ว่าจะไม่ใช่ในรูป html เหมือน Web Pro ครับ มันอ่านได้ตัวเดียวครับ และก็อ่าน native file ไม่ได้ครับ แต่ความเจ๋งของมันคือ การใช้งานที่รองรับ 5-way มากที่สุด พร้อมทั้งทำงานได้รวดเร็วดีมากๆ แถมยังจะประหยัดเงินค่า net ได้ดีเพราะมีการ cache ได้เป็นระบบดีมากครับ ดูจะยกหางพอตัวครับ ฮ่าๆ สำหรับตัวนี้
• Web
มาเริ่มต้นที่เปิด channel siamsport เลยครับ หลังจากที่ลง overlay ของ thaiHack เรียบร้อยแล้ว
กลับพบว่าหน้ารวมแสดงได้ถูกต้องแต่หน้าข่าวกลับแสดงอะไรไม่ได้เลย ผมไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ ว่าเป็นเพราะอะไรน่าจะเป็นเพราะ code ด้วยหล่ะครับ เอ.แต่ผมทำอะไรไม่มาตรฐานเหรอเนี่ย งง เหมือนกันครับ แต่ก็ไม่ได้คิดจะแก้อะไร ฮ่า-ฮ่า เลยมาดูกันต่อหน้า Yahoo! ดีกว่าครับ อ้อ..เกือบลืมครับ หน้าแรกแสดงให้เห็นว่ามันไม่รองรับ .png ด้วยหล่ะครับ.. อืม...เลยไม่น่าใช้ไปข้อนึงแล้วหล่ะครับ
พอมาเปิด Yahoo! ก็ตกใจครับ เหมือนกับว่าเจ้า Web นี่ไม่ได้รองรับ tag ต่างๆใน Yahoo! เลยครับ ทำให้เกิดภาพทับซ้อนกันตลอดครับ น่าจะเป็นตัวบ่งบอกว่ามันเก่าไปพอสมควรแล้วจริงๆครับ แต่แค่เปิดให้ดูมันก็จะดูอะไรเนี่ย แค่เนี่ยเราเลยจัดการเก็บข้อมูลมาครับว่า browser แต่ละตัวจะต้อง download ข้อมูลมาเท่ากันมั้ย แล้วค่อยมาเปรียบเทียบกันครับ
สำหรับ Web แล้วเมื่อตั้งค่าต่างๆจะได้ผลดังนี้ครับ
- Image: On --> 103.5kB
Image: Off --> 57.1kB ครับ
สำหรับ Netfront 3.1 ดูจะเป็นตัวออกมาช่วยกู้หน้าให้รุ่นพี่ครับ ... ลองมาดูกันครับ เจ้า netfront ตัวนี้สามารถเลือก mode การแสดงได้มากจริงๆครับแต่ละ mode ก็จะแสดงแตกต่างกันไปครับ ซึ่งใน mode ให้มันอยู่ในหน้าเดียวไม่ต้องเลื่อนซ้าย-ขวานั้นก็ทำได้จริงๆครับ แต่ติหน่อยก็ตรง font เล็กมากกกไปรึป่าวครับเนี่ย แถมการใช้งานจะต้องใช้ stylus หรือนิ้วจิ้มเอาอย่างเดียวครับ
ถือว่าผ่านหล่ะครับ สำหรับการแสดงผลหน้านี้ครับ เพียงแค่ถ้าแก่ตัวขึ้นก็ฮ่าๆ ไม่ไหวมั้งครับ สายตาเสียหมด
มาดูกันที่เปิดหน้า Yahoo! ครับมีหลาย mode ทีเดียวครับ การแสดงใกล้เคียงกับ desktop มากครับ เรียกได้ว่าแสดงรายละเอียดได้ดี การจัดหน้าก็เหมือนบน desktop เลยครับ ส่วนถ้าหากปรับ mode เป็นให้แสดงในหน้าเดียวนั้น ก็ยังสามารถทำการบีบรูป+link ต่างๆเข้ามาได้ภายในจอเดียวโดยที่ไม่ต้องเลื่อนซ้าย-ขวาได้ดีจริงๆครับ ถือว่าค่อนข้างประทับใจทีเดียวครับ ..แต่ปัญหาคือมันเป็นของ Sony Clie ครับ ฮ่าๆ T|C ได้แต่เชยชมครับ อย่างว่าหล่ะครับข้อเสียคือ font มันเล็กครับ... อิอิ
สำหรับการแสดง web page มีระดับคุณภาพของภาพที่ได้อยู่ 3 ระดับหล่ะครับ ซึ่งเมื่อทดสอบก็พอว่าแปลกมากครับ ทั้ง Low, Mid, High กลับได้ภาพที่ไม่ต่างกันแถมยังดึงข้อมูลไปเพียง 37.804 kB เท่ากันเท่านั้นหล่ะครับ ถือว่าน้อยมากครับ เมื่อเทียบคุณภาพที่ได้และเทียบกับ Web ครับ
• Web Pro
คราวนี้ถึงตัวชูโรงของ Palm บ้างครับ หลังจากหลงไป Clie จนแทบลืมว่าบทความนี้เป็นของ T|C หล่ะครับ ฮ่าๆ ไม่มากความก็ลองเปิดดูเลยครับ มีทั้ง Handheld view, normal view และ mini view ครับ ที่จะเปิดในหน้าข่าวจะเป็นเพียง 2 อย่างแรกครับ ซึ่งจะต่างกันที่การสนใจใน tag ย่อยๆต่างกันครับ
ในกรณีของ Handheld view ก็จะไม่แสดง background หล่ะครับ แต่ถ้าเป็น Normal view ก็จะแสดงครบถ้วนตาม browser บน desktop เลยหล่ะครับ แต่ก็สงสัยนะครับ ว่าทำไมบาง tag ที่หายบน handheld view มีอะไรบ้างหน่ะครับ ไว้ค่อยเป็นการบ้านละกันครับ แต่ที่แน่ๆก็ bgcolor="", < br > หล่ะครับ
สำหรับ Yahoo! ถึงแม้จะดูไม่ค่อยเหมือนจริง เพราะขนาดของ font ไม่ได้เปลี่ยนไปตาม tag ที่กำหนดอย่างใน Netfront แต่ผมกลับว่าทำให้ดูง่ายขึ้นเยอะไม่ต้องไปเพ่งครับ ฮ่าๆ โดยรวมก็ถือว่าดีทีเดียวครับ ถึงแม้จะสู้ netfront ไม่ได้ก็ตามครับ อ้อ แต่ทีเด็ดอยู่ที่ mini view ครับ จะเห็นได้ว่าในรูปเป็นโหมด Full screen ซะด้วยครับ ทำให้การแสดงผลกว้างขึ้นแถม zoom ได้ง่ายเพียงแค่จิ้มที่บริเวณที่ต้องการจะดูก็สามารถเข้าไปดูได้อย่างรวดเร็วครับ แถมชัดเจนเปลียน~
ส่วนการใช้งานก็ยังเหมือนเดิมครับ จะใช้การทำงานของ 5-way ไม่ได้อยู่ดีหน่ะครับ ยังต้องพึ่งนิ้วและ stylus ในการจิ้มแต่ละ link อยู่ครับ
โดยเจ้า Web Pro นี่ใช้อัตราการ download ข้อมูลเพื่อแสดงผลลดหลั่นกันตามคุณภาพหล่ะครับ (ซึ่งผมยังแทบมองไม่เห็นหล่ะครับ ระหว่า Best กับ Low Quality คงต้องให้ไปเปรียบเทียบกับภาพ jpg มั้งครับถึงจะเห็นความแตกต่างหน่ะครับ)
- • Best Quality: ---> 120.5kB
• High Quality: ---> 95.3kB
• Normal Quality: ---> 105.48kB << อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจหล่ะครับ เพียงแค่ลองยังไงก็ได้ยังไงได้ตลอดเท่านี้ตลอดครับ
• Low Quality: ---> สำหรับอันนี้ผมลองดูไม่เห็นจะมีอะไรแตกต่างแบบเห็นได้ชัดเลยหน่ะครับ แต่กลับดึงข้อมูลเพียงแค่ 58.5 kB ครับ
• No Image ---> ก็เป็นการแสดงเพียงแค่ txt อย่างเดียว ฮ่าๆ 30.8kB นับว่าน้อยที่สุดเลยหล่ะครับ
• Xiino
ตัวสุดท้ายเป็นตัวที่ภูมิใจเสนอครับ ไม่ได้ดีเด่นไปกว่าใครครับ แต่ก็มีอะไรให้น่าสนใจและติดตามพอตัวครับ มาเริ่มจากการเปิดหน้าข่าวเลยดีกว่าครับ
Xiino จะต่างกับตัวอื่นนะครับ โดยจะไม่มีให้เลือกรูปแบบการแสดง ทำได้อย่างเดียวครับ แต่ว่าจะปรับ image quality ได้ 3 ระดับดังรูปครับ แต่ละแบบก็จะดึงข้อมูลต่างกันพอสมควรครับ
- • Best: ---> 160.5kB
• Preview: ---> 19.678kB
• Text Only: ---> 14.436kB
มาสรุปกันดีกว่าครับ อันนี้เป็นการทดสอบผ่าน wifi ทั้งหมดครับ เลยไม่อยากจะวัดเวลาเพราะว่าเปิดแล้วก็มา เปิดแล้วก็มาเกือบทุก browser ครับ แต่ที่เห็นว่าแปลกสุดก็ NetFront 3.1 นี่แหละครับ ถึงแม้จะลงใน T|C ไม่ได้แต่กลับกลายเป็นว่าแสดงภาพได้ดีที่สุด และ download ข้อมูลน้อยที่สุดด้วยครับ ^_^ ยังไงก็ลองเลือกกันดูครับ ว่าชอบอันไหนก็ใช้อันนั้นหล่ะครับ ผมเก็บไว้ทั้ง 3 ตัวเลยหล่ะครับ ใส่ใน card ได้ครับ ฮ่าๆ แล้วแต่โอกาสว่าจะใช้อันไหนครับ
การใช้งานจริง
หลังจากได้ลองใช้งานอยู่พักนึงครับ ก็พอจะสรุปได้ประมาณนี้ครับ
qwerty keyboard, การวางตำแหน่งของ 5-way navi และ 4 ปุ่มมาตรฐาน
จากการลองอ่านวิธีการใช้งานก็จะพบได้ว่า การตอบพวกคำถามต่างๆที่ต้องกด Yes/No ก็กดผ่าน Keyboard ได้หมดหน่ะครับ คือ ผมจะลองใช้งานแบบใช้ stylus น้อยที่สุดหน่ะครับ ส่วนวิธีกดก็
- • ปุ่มฟ้า + enter --> yes
• ปุ่มฟ้า + backspace --> no, cancel
• ปุ่มกลางของ 5-way navi --> OK, Done
• ปุ่มฟ้า + ขึ้น, ลง, ซ้าย, ขวา --> เหมือนๆ tap ไปแต่ละ field ครับ
• กดตัวอักษรค้าง จะได้เป็นตัวใหญ่ครับ
นี่ครับ ถ้าเป็นการใช้งานมือเดียวจะพบปัญหาว่า ต้องใช้ นิ้วโป้งกระจายจนทั่วหล่ะครับ ทำให้ต้องจับมันลึกขึ้น..สุดท้ายก็คือ ตำแหน่งที่ใกล้ที่สุด และใช้บ่อยอย่างปุ่มสีฟ้าจะทำให้ต้องหดนิ้วมากด ซึ่งดูแล้วไม่ค่อยจะสบายในการใช้เลยตจริงๆครับ ซ้ำร้ายกว่านั้นการวางดำแหน่ง 5-way navi กับปุ่มทั้ง 4 ยังอยู่ล่างมากๆเลยครับ แถมเป็น slope ให้กดยากขึ้นเมื่อใช้มือเดียวอีกต่างหากครับ คงเพราะน่าจะเป็นการออกแบบให้ใช้ 2 มือละมั้งครับ ดูจากรูปจะเห็นได้ว่าถ้าจะกดปุ่ม 5-way navi ให้ถนัดจะต้องเลื่อน T|C ขึ้น ซึ่งจะทำให้เวลาจะกดปุ่มตัวอักษรต่างๆก็ต้องเลื่อน T|C ขึ้นๆลงๆด้วยหน่ะครับ แหะๆ ไม่สะดวกในการใช้มือเดียวอย่างแรงครับ
เลยวิธีที่น่าจะดีที่สุดคือ จับมัน 2 มือเลยจิ้มเลยครับ ฮ่าๆ ดูจะเป็นวิธีที่ใช้ได้ดีที่สุด เลยกลายเป็นว่าเวลาจะพิมอะไรก็ค่อยจับอย่างนี้เลยครับ ส่วนเวลาใช้ปกติก็ต้องจับมือเดียวคุมแค่ 5-way navi หน่ะครับ ผมเลยยังไม่เข้าใจว่าการที่ทำ slope มันจะช่วยให้จับสะดวกขึ้นเหรอ? หรือเพียงแค่เป็นการออกแบบให้มันดูมนขึ้น เพื่อให้ดูสวยขึ้น หรือเล็กลงเท่านั้นเหรอ?? มาคิดอย่างนี้การวางตัวของ 5-way + ปุ่มทั้ง 4 น่าจะวางด้านบนเหมือนพวก treo น่าจะทำให้สะดวก และเหมาะสมกว่าเป็นกองหล่ะครับ ^_^"
ความเร็วในการใช้งาน
ในเรื่องของความเร็วแล้วผมกล้าบอกได้เลยว่า รุ่นนี้เป็นรุ่นนึงที่มีความเร็วไม่เป็นรองใครแน่ๆครับ แม้จะไม่ใหม่ แต่ความเร็วระดับนี้จะ zire72 t|t3 หรือรุ่นใหม่ๆ (เอ.. หรือมันเริ่มช้าลงน๊าา) ก็แพ้ๆแน่ๆครับ ไม่ได้มีตัว benchmark ใดๆครับ เพียงแค่รู้สึกได้จากการใช้งานเลยหล่ะครับ ฮ่าๆ ด้วย CPU ระดับ 400MHz มาใช้กับ Palm ในสมัยที่ยังมีการใช้ CPU ระดับ 1xx MHz อยู่ในตลาดไม่ใช่น้อยก็น่าจะบอกได้หน่ะครับ ว่าความแตกต่างมันจะมากเพียงใด จริงๆก็จะมาเทียบกับสมัยนี้ไม่ได้หรอกครับ เพราะว่า OS ใหม่ขึ้น ก็ต้องการ resource มากขึ้น จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันความเร็วระดับ 300-400 MHz ก็คือมาตรฐานอยู่แล้วหน่ะครับ สังเกตกันง่ายๆครับ เวลาในการ hotsync ผมลองเทียบกับ T|T2 นะครับ (แหะๆ ของ Palm มีอยู่แค่นี้แล้วหล่ะครับ) ใช้ conduit เท่ากันเลยครับ โดยมีตัวนานๆก็ Doc to go, SplashMoney, Screenshot ผมจะจัดการ sync ประมาณ 5 รอบนะครับ แล้วจะเอาค่าที่ได้จาก 3 ครั้งหลังครับ ที่ทำอย่างนี้เพราะว่าข้อมูลไม่ได้เท่ากันจริงๆหน่ะครับเลยต้องเอาเวลาในขณะที่ข้อมูลในเครื่อง Palm และ PC เท่าๆกันอยู่แล้วดังนั้นเลยเป็นการเปรียบเทียบความเร็วของ Palm ในการเปรียบเทียบข้อมูลในการ sync ล้วนๆครับ
สำหรับ T|T2 : 13.46s, 11.86s, 12.89s เฉลี่ยก็จะได้ 12.74s ครับ
สำหรับ T|C : 7.72s, 7.63s, 7.46s เฉลี่ยก็จะได้ 7.60s เท่านั้นครับ
นี่แค่ hotsync นะครับ ถ้าเป็นการ soft reset นั้นจะใช้เวลาเพียงแค่ 3 วินาทีกว่าๆเท่านั้นเองครับ ต่างกับ T|T2 ที่ใช้เวลากว่า 11 วินาทีเลยหล่ะครับ ส่วนที่เห็นกันชัดๆคือ การเขียน shortcut dts ครับ คือใช้ๆอยู่แล้วพอเขียนก็ตกใจครับ แบบว่าเขียน dts เสร็จ วันเวลา ก็มาแบบว่าไม่ได้ขึ้นมาทีละตัวเลยครับ มาทีเดียวเกือบครบชุดเลย.. งงครับ แบบว่าที่เห็นจริงๆ ว่ามีการเพิ่มขึ้นทีละตัวหน่ะครับก็แค่ตรงปีไปจนถึงเวลาหล่ะครับ ถ้าเป็นเครื่องรุ่นอื่นนี่เห็นชัดๆหล่ะครับ ว่าค่อยๆเพิ่มทีละตัวครับ จริงๆก็ไม่ได้จะเทียบกับ T|T2 หรอกครับ เพราะว่ายังไงมันก็เร็วกว่าอยู่แล้วหน่ะครับ เพียงแค่จะบอกว่า T|C เนี่ยมีประสิทธิภาพเหลือเฟือจริงๆครับ และมันสร้างความแตกต่างได้จริงๆครับ
Battery!: จะนำเสนอในการทดสอบก่อนครับ แล้วจะทึ่งในประสิทธิภาพ:อายุการใช้งานของ battery ของ T|C ครับ การทดสอบนั้นจะใช้ Rundown ในการบันทึกข้อมูลทั้งหมดนะครับ
- • การทดสอบแรก PowerOn Testing ครับ จะมีการใช้งานเรื่อยๆครับ ไม่ได้หนักอะไร ไม่มีการเล่นเกมครับ จะตั้งค่าต่างๆ ไว้ดังนี้ครับ:
Brightness: Lowest (สำหรับ T|C แล้วผมว่ามันไม่ได้มืดเลยหล่ะครับ)
Beam Receive: on
WiFi: Off
• การทดสอบต่อมา Wifi Testing ครับ จะทำการเปิด web ใน Xiino ไว้ตลอดครับ โดยที่จะตั้งที่ web page ไว้เป็น refresh ทุกๆ 1 นาที 30 วิ (เอาให้เต็มที่ครับ คิดว่าคงไม่มีใคร refresh ได้บ่อยกว่านี้แล้วหล่ะครับ เวลาใช้งานจริง) จะตั้งค่าต่างๆ ไว้ดังนี้ครับ:
Brightness: Lowest
Beam Receive: on
WiFi: On
• สุดท้ายเป็นการใช้จริงๆครับ: เท่าที่ได้ใช้ดูโดยใช้เล่นเกมบ้าง wifi ค่อนข้างน้อยครับ นอกนั้นก็เป็นการใช้งานในส่วนชุดโปรแกรม PIM ครับ จะใช้ได้ถึงประมาณ 3 วันโดยที่ไม่ต้องมีการ charge แต่อย่างใดครับ
Wifi
สำหรับการใช้ Wifi หลังจากงงๆอยู่หลายวัน ว่าทำไม๊-ทำไมมันต้องตั้งค่าใน Prefs. อย่างเดียว ซึ่งผมว่ามันค่อนข้างลำบากทีเดียวก็พบว่า ทางที่สะดวกที่สุดคือการเรียก command bar (ก็แค่กดปุ่มใน thumbpad หล่ะครับ) แล้วมันก็จะมี icon wifi ให้ทันทีครับ
จาก command bar นี้สามารถบอกได้ถึง Signal strength ขณะใช้งานและบอกได้ว่าปิดหรือเปิดอยู่ด้วยครับ เมื่อเข้าไปจะพบกับ status ค่อนข้างละเอียดครับ และปุ่มเพื่อเข้าไปตั้งค่าใน Pref และ VPN ครับ จะเพิ่ม user+password ก็ทำได้เร็วพอสมควรครับ ซึ่งผมว่าเสียอยู่นิดนึงก็ตรงที่ไม่สามารถปิด-เปิดได้จากหน้า status ตรงนี้เลยหน่ะครับ ถ้าทำได้คงจะถือว่าสะดวกมากทีเดียวครับ
ส่วนการ connect นั้นมันจะไล่ๆ access point ตามที่เคยรู้จักไปเรื่อยๆครับ ซึ่งถ้าเคยใช้ที่นั้นแล้ว ใส่ user+password ไว้แล้วมันจะจัดการให้ auto ทั้งหมดครับ แต่ถ้ามีเยอะเกินก็จะใช้เวลาบ้างหล่ะครับ ส่วนสัญญาณนั้นผมไม่รู้จะเทียบกับอะไรหน่ะครับคงได้เพียงแค่ TH55 ครับ ผมว่าก็พอๆกัน แต่ดู T|C จะเร็วกว่าซึ่งจริงๆแล้วปัจจัยไม่น่าจะอยู่ที่ wifi อย่างเดียวน่าจะอยู่ที่ CPU ด้วยหล่ะครับกรณีนี้ เมื่อทดสอบโดยอยู่คนละห้องกันนะครับ มีผนังกั้นประมาณ 3 ชั้น สัญญาณก็จะมีระดับประมาณ 40% ครับ แต่ก็เปิดดูหน้า web ได้อย่างไม่มีความรู้สึกอืดหล่ะครับ ^^
ข้อเสียที่พบ: นั่นแหละครับ ถ้าไม่มีข้อเสียเลย มันก็คงเป็นรุ่นนึงที่ขายดีมากๆแล้วหล่ะครับ ด้วยประสิทธิภาพของมันแล้ว ทุกวันนี้ยังถือว่าดีมากๆอยู่เลยครับ
• build-in keyboard - อันนี้เป็นประเด็นหลักเลยหล่ะครับ เพราะว่าคนส่วนใหญ่ เอ.. เอาเป็นว่าคนไทยละกันครับ เพราะผมว่า keyboard มันจะใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ หากไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ (ซึ่งมันมีปุ่มครบถ้วน) เป็นภาษาหลักหล่ะครับ ทำได้การ input ภาษาไทยยังต้องพึ่งการเขียนบนหน้าจออยู่ดีครับ และประกอบกับมันทำให้หน้าตาดูไม่ค่อยถูกใจคนส่วนใหญ่นักด้วยหล่ะครับเลย กลายเป็น Palm ที่แทบจะถูกลืมไปเลยหล่ะครับ ถามว่าตัวไหน Tungsten W ตัวไหน Tungsten C อาจจะยังมีการตอบสับสนได้เลยครับ ฮ่าๆ
• Digitizer - อันนี้ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นอย่างนี้ตลอดรึป่าวหน่ะครับ เพราะได้มาก็เป็นมือสองนี่นา ฮ่าๆ มันจะเหมือน T|T2 ในส่วนล่างหน่ะครับ ตอนหดหน่ะครับ มันจะทำให้จิ้มหน้าจอไม่ได้จากขอบจอด้านล่างประมาณ 2-3 mm หน่ะครับ ทำให้การกดปุ่มหรือเปลียนภาษาบนจอนั้นต้องกดบนๆของปุ่มเอาครับแล้วจะติด ฮ่าๆ นอกนั้นก็ไม่เป็นปัญหาครับ เพราะว่าการใช้ thumbpad ก็สามารถทดแทนการกดปุ่มต่างๆได้พอสมควรหล่ะครับ
อีกเรื่องคือ ปัญหาสำคัญสำหรับ Palm จากค่าย Palm inc. ก็คือเรื่องหน้าจอมีเสียงนะครับ ผมว่ารุ่นนี้หน่ะ เป็นรุ่นที่เสียงค่อนข้างเบาครับ คือก็แทบไม่ได้ยินอะไรเลยครับ เพียงแค่ถ้าเอาหูแนบก็จะได้ยินครับ ผมถือว่า ผ่านครับ เพราะใช้จริงก็ไม่รู้สึกหล่ะครับ ^^
บทสรุป Palm Tungsten|C
สำหรับ T|C ซึ่งเป็นถึง Flagship ตัวนึงหน่ะครับ ผมมาจับมันตอนที่มันแทบจะตกยุคไปแล้ว แต่มันกลับทำให้ต้องมีเขียนเลยหล่ะครับ เพราะว่ามันมีดีมากๆครับ เรียกได้ว่าทำได้ดีซะจนตกใจครับ แถม memory ขนาดใหญ่โต ฮ่าๆ กับราคามือสองที่ซื้อ SD ซัก 256MB อีกตัวยังซื้อ T|T3 Zire72 ไม่ได้เลยครับ ฮ่า ผมว่ามันคุ้มมากๆครับ แถม wifi ก็ใช้ได้ทีเดียวครับ เร็วดีจนเกือบลืมว่า bluetooth ก็ share net ได้เลยหล่ะครับ ความเร็วมันต่างกันมากจริงๆครับ สำหรับ keyboard นั้นจะว่าดีก็ดีหล่ะครับ จะว่าไม่ดีก็ไม่ดีคงแล้วแต่คนชอบหล่ะครับ แต่ถ้าไม่ชอบนั้น เกิดวันใดมีเครื่องที่มี keyboard เพิ่มขึ้นมาอย่าลืมลองใช้นะครับ เพราะถ้าถนัดแล้ว keyboard มันทำได้ดีกว่า graffiti ตรงความเร็วครับ และมันก็สะดวกมากทีเดียวนะครับ แค่ยกตัวอย่างโทรศัพท์จะให้กดบนจอ-กับ-ปุ่มให้มันรู้ครับ ว่าใครทำได้ดีกว่ากันครับ โดยรวมแล้วผมยกให้เลยครับ T|C ว่าเป็นเครื่องทรงประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่ผมเคยจับมาเลยหล่ะครับ ทำได้ดีทั้งเรื่องแบตและความเร็วซึ่งทั้งสองอย่างนี้ไม่ค่อยจะมาด้วยกันซักเท่าไหร่ แต่มันก็มาพร้อมกันในนามของ Tungsten C ครับ